วันนี้ (2 พ.ค.65) ที่รัฐสภา นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์กรณี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ร่วมก่อตั้งและสมาชิกพรรครวมพลัง แกนนำ กปปส. และอดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ เสนอให้นายชวน กลับมาเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ว่า ไม่มีความคิดที่จะกลับมาเป็นหัวหน้าพรรค เพียงแต่พยายามที่จะช่วย
โดยส่วนตัวตนเป็นหนี้บุญคุณพรรค เพราะในฐานะเป็นนักการเมืองมาจากพื้นฐานชาวบ้านคนหนึ่ง ไม่ว่าสถานการณ์ของพรรคจะขึ้นหรือลงก็ตามไม่มีความคิดทิ้งพรรค มีแต่จะคิดว่าจะทำอย่างไรถึงจะช่วยกันภายใต้การดูแลของ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
นายชวน กล่าวยอมรับว่า ตอนเลือกหัวหน้าพรรค ตนและ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี ช่วยทำให้ นายจุรินทร์ ชนะ และสามารถเป็นหัวหน้าพรรคได้ เมื่อเลือกเข้ามาแล้วก็พยายามช่วยประคับประคองให้เขาทำงานได้ ซึ่งเข้าใจดีว่าไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะมีความคิดที่แตกต่างและมีการแข่งขันสูงในตอนเลือกหัวหน้าพรรค จึงทำให้ผู้ร่วมแข่งขันลาออกไปหลายท่าน ซึ่งทรัพยากรคนเหล่านั้นน่าเสียดาย แต่พรรคต้องอยู่
“ประสบการณ์นี้เราก็เคยผ่านมาแล้วที่มีคนตั้งพรรคใหม่บ้างมากมาย แต่ผมเชื่อว่าความดีงามของพรรค ความยั่งยืนยาวนาน และยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยและในระบบรัฐสภา ที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และยึดถือเรื่องความซื่อสัตย์ สุจริต เรื่องกฎหมายความยุติธรรม กฎหมายที่เข้มงวด กวดขัน ตรงไปตรงมา ทั้งหมดคือสิ่งที่ทำให้พรรคอยู่รอดมาได้อย่างยาวนาน 70 กว่าปี ซึ่งไม่ง่ายนักที่พรรคการเมืองเจริญได้ยาวอย่างนี้ เพราะฉะนั้นก็ต้องช่วยกันประคับประคองต่อไป”
นายชวน กล่าวด้วยว่า เข้าใจดีว่าสมัยนี้หลายท่านก็มีความรู้สึกที่ไม่พอใจหัวหน้าบ้าง หรือมีความรู้สึกเป็นห่วง วิตกกังวลในการเลือกตั้งครั้งต่อไปบ้าง ก็เข้าใจดีแต่พยายามให้กำลังใจทุกคนว่าเมื่อมีปัญหาต้องช่วยกันคิด ช่วยกันแก้ อย่าซ้ำเติมให้พรรคยิ่งลำบากขึ้น
“ดีที่ว่าบรรดาเพื่อน ๆ ส่วนใหญ่เข้าใจและมาหารือกัน หลายคนมาหารือว่าผมพอจะไหวไหม หากให้มารักษาการสักพักหนึ่ง ผมตอบว่า ไม่มีความคิดเรื่องนี้อยู่ในใจ แต่จะช่วยเท่าที่สามารถทำได้ ภายใต้กฎเกณฑ์ กติกาที่เรามี”
นายชวน กล่าวด้วยว่า โดยทั่วไป นายจุรินทร์ ก็ไม่ธรรมดา เป็นคนเก่งคนหนึ่ง อย่างน้อยที่สุดถึงแม้จะมีความคิดที่แตกต่างกันบ้างก็ตาม แต่ความซื่อสัตย์ สุจริต ซึ่งเป็นหัวใจของพรรคประชาธิปัตย์ ก็ยังคงยึดมั่นอยู่ แต่การทำงานอาจถูกใจบ้างหรือไม่ถูกใจบ้าง ก็พยายามให้กำลังใจ แต่ก็ต้องยอมรับว่า หากมีอะไรที่สมาชิกไม่พอใจต้องพยายามทำความเข้าใจ อย่าเฉย นี่คือสิ่งที่ตนพยายามเตือน