พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี โดยระบุว่า ได้ติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจภายในประเทศ ซึ่งมีการแถลงสภาวะทางเศรษฐกิจในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา มูลค่าการส่งออกสินค้า จำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นแนวโน้มที่ดี
ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค เป็นต้นมา มีเที่ยวบินเพิ่ม และมีนักท่องเที่ยววันละ 10,000 คน และจากสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 และสงครามรัสเซีย-ยูเครน ทำให้ลดการประมาณการเศรษฐกิจ อยู่ที่ร้อยละ 3.5 จากเดิมคาดการณ์ไว้ร้อยละ 4.0
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติ 3 มาตรการเร่งด่วน เพื่อป้องกันและลดผลกระทบอุทกภัย แผนการจัดการพื้นที่ลุ่มต่ำหรือแก้มลิง เพื่อรองรับน้ำฝน การเพิ่มพื้นที่รับน้ำ ระบายน้ำ แก้ไขปรับปรุงเพิ่มเติมเรื่องประตูน้ำ ที่ชำรุด การกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำหรือคูคลอง ทุกอย่างต้องมีการคาดการณ์ไว้ล่วงหน้า
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมเห็นชอบแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 13 พ.ศ. 2566 - 2570 จะทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ออกแบบแผนตามหลักคิด 4 ประการ เศรษฐกิจพอเพียง ความสามารถที่จะล้มและลุกให้ไว และเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนของสหประชาชาติ เศรษฐกิจสีเขียว
โดยแผนพัฒนาเศรษฐกิจฉบับที่ 13 มีอยู่ 5 ประการ คือการปรับโครงสร้างการผลิต สู่เศรษฐกิจฐานนวัตกรรม การพัฒนาคนสำหรับโลกยุคใหม่ การมุ่งสู่สังคมแห่งโอกาสและความเป็นธรรม การเปลี่ยนผ่านผลผลิตและการบริโภคไปสู่ความยั่งยืน
การเสริมสร้างความสามารถของไทยในการรับมือความเสี่ยงและการเปลี่ยนแปลงไปสู่โลกยุคใหม่ รวมถึงมีรายได้ต่อหัวอยู่ที่ 300,000 บาท