นายพิเชษฐ สถิรชวาล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ฐานะหัวหน้ากลุ่ม16 กล่าวถึงกรณีกรมธนารักษ์เลื่อนลงนามสัญญากับบริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง จำกัด ในการดำเนินโครงการบริหารและดำเนินกิจการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก (อีอีวี) ว่า ต้องตรวจสอบต่อไป ทั้งนี้ตนมองว่ากรมธนารักษ์ควรทบทวนโดยเฉพาะการประมูลว่าถูกต้องหรือไม่
หากอนาคตจะเปิดประมูลใหม่ต้องเรียกบริษัทใหญ่ทุกแห่งเข้าร่วมประกวดราคา อย่างไรก็ดีตนไม่ได้หมายความว่าต้องการให้บริษัทอิสท์วอเตอร์เป็นผู้ชนะ
"หลังจากกรมธนารักษ์ทบทวนการดำเนินการแล้ว หากยังจะเซ็นสัญญาโครงการกับบริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง ผมพร้อมโหวตสวน ไม่ไว้วางใจนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ที่รับผิดชอบโครงการดังกล่าว เพราะการประชุมคณะกรรมการที่ราชพัสดุที่มีมติรับรองบริษัท วงษ์สยามก่อสร้างชนะการประมูลนั้น มีกรรมการเข้าร่วมประชุมแค่ 9คน จากทั้งหมด12คน
โครงการเป็นหมื่นล้านแต่ลงมติ 9คน ไม่มีตัวแทนกระทรวงมหาดไทย การประปาส่วนภูมิภาค และลงมติเห็นชอบแค่ 6คน แม้นายสันติจะยืนยันบริษัท อิสท์วอเตอร์ ไม่ใช่รัฐวิสาหกิจ เป็นแค่บริษัทเอกชน แต่ตนเห็นว่า บริษัท อิสท์วอเตอร์ เป็นกึ่งรัฐวิสาหกิจ กปภ.ถือหุ้น 40% มีการนิคมอุตสาหกรรมถือหุ้นร่วมด้วย มีความเชื่อมโยงหน่วยงานรัฐ มีความชำนาญมากกว่า
แม้จะให้ผลประโยชน์รัฐน้อยกว่า แต่ดูแลระบบส่งน้ำภาคตะวันออกมา 29 ปี ไม่ควรทุบหม้อข้าวกปภ. แต่บริษัท วงษ์สยามก่อสร้างเพิ่งเข้ามา ไม่มีประสบการณ์"
นายพิเชษฐ ยังกล่าวถึงกรณีที่นายสันติ ฐานะผู้อำนวยการพรรคพลังประชารัฐ จะเสนอให้กรรมการบริหารพรรคลงโทษตนเอง ว่า "ผมยินดี หากมติพรรคจะลงโทษผมไม่ขัดข้อง ผมพร้อมไปอยู่พรรคเล็ก แต่ตามข้อบังคับพรรคห้ามไปกินข้าวกับฝ่ายค้านหรือไม่ หากผมจะถูกลงโทษคงเป็นข้อหาขัดผลประโยชน์ของใครบางคน"
ส่วนตัวเชื่อมั่นพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เป็นคนมีเหตุผล เข้าใจที่ตนปกป้องผลประโยชน์ประเทศ ทั้งนี้ตนขอฝากไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ด้วยว่า การตั้งคณะกรรมการตรวจสอบโครงการระบบท่อส่งน้ำภาคตะวันออก โดยให้กระทรวงการคลังเป็นเจ้าภาพนั้น ไม่เกิดประโยชน์ เพราะข้าราชการไม่กล้าเอาผิดรัฐมนตรี ดังนั้นควรให้หน่วยงานอื่นที่มีความเป็นอิสระมาตรวจสอบ เช่น สถาบันพระปกเกล้า เป็นผู้รับผิดชอบ เพราะไม่สามารถใช้อิทธิพลการเมืองมาสั่งได้
"ผมเชื่อว่าการชะลอเซ็นสัญญาโครงการดังกล่าว เป็นแค่การถอดชนวนลดแรงกดดันทางการเมืองชั่วคราว จะยังไม่เซ็นสัญญาโครงการจนกว่าจะผ่านการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีไปก่อน"
เมื่อถามถึงการนัดรับประทานอาหารกับฝ่ายค้าน ในวันนี้ (4 พฤษภาคม) นายพิเชษฐ กล่าวว่า ต้องเลื่อนออกไป เพราะกรมธนารักษ์เลื่อนลงนามสัญญาไปแล้ว แต่ตนยืนยันจะนัดวันเวลากินข้าวกับนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย อีกครั้ง