“พรรคกล้า”ปลุกคนใต้ใช้ศาสตร์พระราชากระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก

20 พ.ค. 2565 | 04:58 น.
อัปเดตล่าสุด :20 พ.ค. 2565 | 12:09 น.

“พรรคกล้า”ปลุกคนใต้ใช้ศาสตร์พระราชากระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก พร้อมเปิดตัว 9 ผู้สมัครส.ส.เมืองคอน ครบทุกเขต

เมื่อวันที่ 19 พ.ค.2565 นายวรวุฒิ อุ่นใจ รองหัวหน้าพรรค ในฐานะประธานทีมเศรษฐกิจพรรคกล้า พร้อมด้วย นายกันตวีร์ แสงสาย หรือโค้ชตั้ม โค้ชสอนขายออนไลน์ชื่อดัง เดินทางไปยัง จ.นครศรีธรรมราช ในพื้นที่ บ้านเก้ากอ ต.ทอนหงษ์ อ.พรหมคีรี และ พื้นที่บ้านหน้าค่ายศรีนครินทรา ต.ถ้ำใหญ่ อ.ทุ่งสง 

                  “พรรคกล้า”ปลุกคนใต้ใช้ศาสตร์พระราชากระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก

โดยมีผู้สมัคร ส.ส.พรรคกล้า เป็นผู้ดำเนินการประชาสัมพันธ์เชิญชวนชาวบ้านในพื้นที่ ที่สนใจธุรกิจขายของออนไลน์ เพื่อเป็นช่องทางในการพัฒนาอาชีพ สร้างรายได้ให้แก่ครอบครัวและชุมชน ซึ่งพรรคกล้าได้ลงพื้นที่อบรมมาแล้วหลายครั้ง มีผู้สนใจเข้าร่วมอบรมเป็นจำนวนมากตั้งแต่เด็กรุ่นใหม่ ไปจนถึงผู้ใหญ่รุ่นปู่ย่าตายาย 

โดยนายวรวุฒิ และโค้ชตั้ม ได้ถ่ายทอดประสบการณ์ เคล็ดลับ และเทคนิคในการทำธุรกิจออนไลน์ให้ประสบความสำเร็จ ซึ่งหากทำเป็น จะสามารถสร้างรายได้ในระยะเริ่มต้นอย่างน้อย 1,000 บาทต่อวัน 

                                  “พรรคกล้า”ปลุกคนใต้ใช้ศาสตร์พระราชากระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก

ทั้งนี้ โค้ชตั้มได้ยกเคสตัวอย่างของผู้ประสบความสำเร็จจากการเข้าอบรมฯ และไปลงมือทำธุรกิจออนไลน์ จากอดีตทำธุรกิจน้ำแข็ง ครอบครัวมีหนี้สิน 8 ล้าน ไม่มีเงินลงทุน เริ่มทำธุรกิจออนไลน์จากติดลบ ปัจจุบันขายทอดมันอยู่ที่ วัดไอ้ไข่ มีรายได้ 18 ล้านต่อปี ปลดหนี้ได้ตั้งแต่ปีแรก 

 

 

รวมถึงอีกหลาย ๆ คนที่ผ่านจุดท้อ แต่ไม่ถอย จนประสบความสำเร็จในที่สุด ทั้งที่เป็นชาวบ้านธรรมดา ที่ไม่ได้มีต้นทุนเป็นนักขาย หรือนักธุรกิจมาก่อนแต่อย่างใด 

 

นายวรวุฒิ กล่าวว่า การมาสอนคนนครฯ ขายออนไลน์ไม่ได้หมายความว่าจะขายให้แต่คนในจังหวัดเดียวกันเท่านั้น แต่จะส่งไปขายคนในอีก 76 จังหวัดทั่วประเทศ สินค้าขึ้นชื่อของ จ.นครฯ มีมากมาย อาทิ ผลิตภัณฑ์เครื่องถม เครื่องเงิน เครื่องแกง เงาะ มังคุด กาละแม กระท่อม หรือแม้แต่ วัตถุมงคล สถานที่ท่องเที่ยว การท่องเที่ยวสายมู ธุรกิจบริการทั้งหลาย ก็สามารถขายคนทั่วประเทศได้ ถ้าทำเป็น ทำถูก เงินทองก็จะเข้าครอบครัว และชุมชน มีเงินไหลเวียนทำให้เศรษฐกิจดี ภาษีเข้ารัฐ 


และหากทุกจังหวัดใช้โมเดลเดียวกันนี้ ขายของระหว่างกัน ใช้ของไทยด้วยกันเอง เศรษฐกิจไทยก็จะดี วันนี้ต้องหยิบคำขวัญเมื่อหลายสิบปีก่อนที่ว่า “ไทยทำ ไทยใช้ ไทยเจริญ” มาใช้อีกครั้ง ในยุคที่วิกฤตเศรษฐกิจ วิกฤตอาหาร เกิดขึ้นทั่วโลกอยู่ในขณะนี้ 


ประธานทีมเศรษฐกิจพรรคกล้า กล่าวว่า ปัญหาประเทศไทย ต้องแก้ที่เศรษฐกิจก่อน ถ้าเศรษฐกิจดี ประชาชนอยู่ดีกินดี รายได้ดี เดี๋ยวตรงอื่นมันจะดีตามมา ทั้งการศึกษา สาธารณสุข คุณภาพชีวิต ความเป็นอยู่ ถนนหนทาง มันมาด้วยเงินภาษี 


อย่างไรก็ตาม ประเทศจะมีเงินภาษีได้ ก็ต่อเมื่อ ชาวบ้านและประชาชนมีรายได้ดี ไม่มีหรอกรัฐสวัสดิการดี แต่ชาวบ้านไม่เสียภาษี เพราะไม่มีปัญญาจ่าย หลายครอบครัวยังเป็นหนี้นอกระบบดอกเบี้ย 300% ต่อปี สวัสดิการที่ไหนจะมาดี เป็นไปไม่ได้ 


นี่คือสิ่งที่พรรคกล้ามองมาตลอดว่าเศรษฐกิจประเทศคือหัวใจ คือแก่น เราจึงได้ชูนโยบาย เศรษฐกิจเพื่อคนตัวเล็ก เพราะคนตัวเล็ก มีหลายสิบล้านคนทั่วประเทศ ที่ผ่านมานโยบายเศรษฐกิจไทย เน้นทุนใหญ่ เน้นบริษัทใหญ่ และหวังว่าบริษัทใหญ่จะทำให้เกิดการจ้างงาน เกิดรายได้ที่ดีให้กับประชาชน 


แต่ในความเป็นจริงไม่เป็นอย่างนั้น ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีคนรวย รวยมาก และคนจน จนมาก เรียกว่ามีความเหลื่อมล้ำสูงเกือบที่สุดในโลกประเทศหนึ่ง เพราะนโยบายเศรษฐกิจไม่ถูกต้อง นี่คือสิ่งที่พวกเราจะผลักดันว่าทำอย่างไรที่จะให้ชาวบ้าน ชุมชน รากหญ้า หรือเศรษฐกิจฐานรากแข็งแกร่ง ซึ่งนั่นคือศาสตร์พระราชา 


นโยบายเศรษฐกิจเพื่อคนตัวเล็ก ของพรรคกล้าพัฒนามาจากเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวง ร.9 ที่มีหลักสำคัญอยู่ 2 ประการคือ 


1. การพึ่งพาตัวเอง ถ้าชาวบ้านอย่างพวกเราขายของได้ ใช้ของไทยกันเอง พึ่งตัวเองได้ พัฒนาสินค้าให้ได้มาตรฐานขายเมืองนอกได้ มันจะทำให้เราลดการนำเข้า แต่เพิ่มการส่งออก 


2. ลดความเสี่ยงในการทำธุรกิจและการใช้ชีวิต ถ้าทุกคนยึดถือหลักนี้ ท่านจะมีชีวิตที่ปลอดภัย ไม่เสี่ยง เศรษฐกิจพอเพียงไม่ใช่เรื่องการห้ามฟุ่มเฟือย ในหลวงท่าน บอกว่าให้ใช้ตามกำลังที่มีโดยไม่เดือดร้อน
                                        “พรรคกล้า”ปลุกคนใต้ใช้ศาสตร์พระราชากระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก

อย่างไรก็ตาม นายวรวุฒิ กล่าวว่า แม้ว่าวันนี้พรรคกล้าจะไม่มีตำแหน่งอะไรในรัฐบาล แต่เราได้ลงมือทำจริงในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ เพื่อที่จะผลักดันให้พี่น้องประชาชนของเรา ขายของออนไลน์เป็น ตัวอย่างประเทศที่ทำธุรกิจออนไลน์จนประสบความสำเร็จอย่างมากคือ จีน วันนี้เขาประกาศพ้นความยากจน เขาปลุกเอสเอ็มอี โอท็อป ให้ร่ำรวย ลืมตาอ้าปากได้ จนประกาศเป็นประเทศที่พ้นความยากจน และเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจของโลกได้เป็นที่เรียบร้อย 


ในขณะที่ประเทศไทยเราถ้าวันนี้เรามีสินค้า แล้วนำไปขายในห้างหรือร้านสะดวกซื้อก็ต้องผ่านตัวกลางที่เป็นภาษีขนาดใหญ่ ค่าเปอร์เซ็นต์กำไร 40-50% ที่เขาจะหักไว้ แล้วมีเงื่อนไขต้องส่งในทุกสาขา ชาวบ้านกำลังการผลิตไม่พออยู่แล้ว แต่ถ้าขายออนไลน์ แม้ไม่มีสินค้าเองก็ขายได้ โดยการซื้อมาขายไป หรือ แต่ถ้ามีสินค้าอยู่แล้ว ก็เพียงปรับแพคเกจรูปลักษณ์ เพิ่มมูลค่า ก็สามารถทำราคาได้ เช่นเดียวกัน 
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า ต้นทุนของการค้าขายส่วนหนึ่งอยู่ที่ค่าขนส่ง ถ้าคำนวณผิดก็ขาดทุนได้ ถ้าผมเป็นรัฐบาล การค้าขายออนไลน์ ของเอสเอ็มอี โอท็อป สินค้าชุมชน พรรคกล้าจะประกาศให้ ไม่มีการเสียค่าขนส่ง 1 ปี นี่คือการสร้างโอกาส ติดอาวุธ และให้แต้มต่อ แก่คนตัวเล็กให้เดินได้ เติบโตอย่างมีคุณภาพและยั่งยืน 

                                          “พรรคกล้า”ปลุกคนใต้ใช้ศาสตร์พระราชากระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก
ผู้สื่อข่าวรายงาน ในช่วงเย็นของวันเดียวกัน นายวรวุฒิ ได้ร่วมรับประทานอาหารกับทีมผู้สมัคร ส.ส.พรรคกล้า ซึ่งเปิดตัวครบทั้ง 9 เขต ได้แก่ นายภูเบศ พลายชุม ผู้สมัคร เขต 1, นายพรชัย อรรถพร  ผู้สมัครเขต 2 , ร.ท.ชัยฤทธิ์ นาทอง ผู้สมัครเขต 3, นายสุเทพ นาคสัน ผู้สมัครเขต 4, ดาบตำรวจ นเรศ เกสรินทร์ ผู้สมัครเขต 5, นายวิชิตร โมสิกานนท์ ผู้สมัคร เขต 6, นายโอฬาร สุตตะนาคา ผู้สมัครเขต 7, น.อ.สุรินทร์ เมฆาวรรณ ผู้สมัคร เขต 8 และนายสมพงค์ มากชุม ผู้สมัคร เขต 9