จากกรณีที่ "พรรคกล้า" เปิดตัวทีมเศรษฐกิจ ในวันประชุมใหญ่ของพรรคเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา สร้างความฮือฮากันพอสมควร เพราะได้นักธุรกิจตัวจริงจากหลากสาขาอาชีพ ทั้งคนรุ่นเก่าใหม่ ร่วมใจเข้ามาทำงานให้กับพรรค และหนึ่งในนโยบายหลักที่พรรคพูดมาก่อนใครอย่าง Soft Power ก็ได้ศิลปินหนุ่มรุ่นใหม่อย่าง พีเค พัสกร วรรณศิริกุล” มาดูแล แม้อายุยังน้อยแต่ต้องบอกว่าประสบการณ์เกินตัว
วันนี้เรามาทำความรู้จักกับ พีเค ว่าเป็นใครมาจากไหน และทำไมจึงตัดสินใจสวมเสื้อพรรคกล้า
พัสกร วรรณศิริกุล หรือ พีเค ปัจจุบันอายุ 25 ปี เกิดและเติบโตที่กรุงเทพ ศึกษาในโรงเรียนนานาชาติ ผ่านการทำงานในฐานะศิลปินมาอย่างโชกโชน ก่อนจะตัดสินใจบินไปศึกษาต่อด้านจิตวิทยาที่ “The University of British Columbia” ประเทศแคนาดา และกลับมาค้นพบตัวเองว่าแท้จริงแล้วคำตอบของชีวิต คือการทำการเมืองให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประเทศชาติ
พีเคเริ่มทำงานในฐานะศิลปินตั้งแต่อายุ 10 ปี เขาเป็นเด็กผู้ชายยุคแรก ๆ ที่เต้นฮิปฮ็อป จากนั้นก็ทำงานอีกหลายอย่างทั้ง แฟชั่นสไตล์ลิ่ง นายแบบ นักแสดง แจ้งเกิดบนเวที the face เป็น MC ดีเจ นักข่าว ช่างภาพ กวี หรือแม้แต่ จิตรกร เขาทำมาหมด
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะตั้งใจและเต็มที่ในทุกงานที่ทำ แต่วิญญาณของเขามันร้องบอกกับตัวเองว่า “นี่ยังไม่ใช่ทาง” ได้ทำอะไรหลายอย่างทำไมไม่มีความสุข และไม่อิ่มใจเสียที ทั้งที่ก็รักงานศิลปะ รักความเป็นศิลปิน ทำไมเปลี่ยนใจตลอดเวลา ถ้าเรารักมันจริง ทำไมเราไม่อยู่กับมันจริงๆ เขาเฝ้าเพียรถามตัวเอง จนเข้าไปสู่แก่นที่ว่า
“เราทำอะไรเพื่ออะไรและชีวิตเราต้องการอะไรมากที่สุด”
พีเค บอกว่า ส่วนหนึ่งอาจเป็นด้วยวัยเพียง 20 ปี อาจจะยังเด็กเกินไป และยังไม่ฉลาดพอในการใช้ชีวิต อยากขอไปซึมซับประสบการณ์เพิ่ม จึงตัดสินใจไปเรียนต่อด้าน จิตวิทยา ปรัชญา วิทยาศาสตร์ ศิลปะและศาสนา ที่ The University of British Columbia ประเทศแคนาดา
ศึกษาดำดิ่ง ถึงแก่นของหลักปรัชญาจนค้นพบความจริงว่า จริง ๆ แล้วตัวเองแค่อยาก Make it different หรือ มีส่วนร่วมในการเปลี่ยนแปลงในการทำให้ชีวิตเราดีขึ้น
หลังเรียนจบ พีเค เดินทางกลับเมืองไทย โดยไม่ได้บอกใคร จากนั้นเข้าเรียนการเสดง และถือโอกาสเรียนปรัชญากับหม่อมน้อย ไปด้วย เรียกได้ว่าเรียนรู้อยู่ด้วยจนเป็นเหมือนเงา กลางวันเรียน พอกลับบ้านก็ไปอ่านปรัชญาเพิ่ม อ่านทั้งปรัชญาพุทธและปรัชญาตะวันตก
นั่งสมาธิวันละ 4-5 ชั่วโมง ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ ครอบครัวเป็นห่วงมาก แต่ด้วยความตั้งใจจะไปให้สุดเพื่อที่จะกลับมาแบ่งปันสิ่งที่ได้เรียนรู้มา ซึ่งเขาก็ทำได้จริง จากแค่อยากรู้คำตอบของชีวิต กลายเป็นผู้นำที่ดีมีคนซัพพอร์ตมากมายในเวลาต่อมา
“4 เดือนที่ผ่านมาผมได้งานใหญ่ถึง 10 งาน บวกกับอีก 7 โปรเจ็กต์ ไม่รวมงานแสดง และเดินแบบ ผมทำได้ทั้งหมด ทั้งการพัฒนาแกลเลอรี่สองแห่ง ทำโปรเจ็กต์กัญชา เป็นที่ปรึกษาให้กับหลาย ๆ ที่ เช่น นวัตกรรมเรื่องเทคโนโลยี, เรื่องระบบน้ำ, F&B ร้านอาหาร, แกลเลอรี่ต่าง ๆ, แฟชั่นแบรนด์ รวมถึงไปเป็นที่ปรึกษาให้กับอสังหาริมทรัพย์ เป็นผู้บริหารบริษัทอีเวนท์ ได้ทำงานใหญ่ ๆ หลายงาน ผมทำได้หมดทุกอย่าง ไม่ใช่ว่าผมเป็นคนที่เก่งที่สุด แต่เพราะผมมีสติและความมุ่งมั่น มีงานก็ทำให้เสร็จไป แล้วค่อยไปพักผ่อน และยังมีเวลาเหลือให้กับครอบครัว ผู้หญิง ส่วนถ้าใครทำถามผมว่าทำไมถึงได้รับความไว้วางใจทั้งที่อายุก็ยังน้อย ก็ต้องบอกว่า ส่วนหนึ่งเพราะผมสื่อสารชัดเจน และทำงานหนัก มีผลงานให้เห็น”
มองการเมืองเป็น ศิลปะ อดทน เสียสละ สร้างประโยชน์ให้บ้านเมือง
จากเส้นทางสายศิลปิน ที่ดูเหมือนกำลังไปได้ดี แต่วันนี้เขาตัดสินใจเดินเข้าสู่ถนนการเมือง และเลือกพรรคกล้า อะไรคือแรงบันดาลใจ พีเค บอกว่า จริง ๆ แล้วการเมือง มันฝังอยู่ในใจลึก ๆ อยู่แล้วว่า เราอยากมีส่วนร่วม โดยส่วนตัวมองว่าการเมืองมันก็คือ “ศิลปะ” ที่ไม่ใช่ความสวย ความงาม ความเท่ห์ แต่เป็นศิลปะ ที่สามารถสร้างผลประโยชน์ให้กับสังคม
หลายคนตั้งคำถามว่า เป็นคนรุ่นใหม่ทำไมเลือกพรรคกล้า ซึ่งพีเค ตอบไปว่า เพราะศรัทธาผู้นำคือ คุณกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรค และมองว่าตัวเองโชคดีที่ได้มีโอกาสทำงานร่วมกับผู้ใหญ่ ที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ มีความเป็นมืออาชีพสูง นโยบายพรรค ที่คิดกันมาอย่างดี เขาพร้อมซัพพอร์ต
ส่วนอนาคตไม่ว่าพรรคจะส่งลง สส.เขต หรือ ปาร์ตี้ลิสต์ เขาก็ยังเห็นตัวเองทำงานศิลปะอยู่ คือความทุ่มเท อดทน ทำในสิ่งที่รักจริง ๆ ดังนั้นการเข้ามาของเขาจึงไม่ได้มาเพื่อหาเงิน แต่มาเพราะคิดว่าจะสามารถทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติได้ ที่สำคัญ และเป็นสิ่งที่ครอบครัวก็สนับสนุน และมองว่า การทำงานการเมืองเป็นที่งานที่ใช่ เป็นที่ที่หมาะสม และเป็นทางเลือกที่เป็นความภาคภูมิใจของครอบครัว
“อย่างน้อยผมก็เป็นคนรุ่นใหม่ ที่คลุกคลีกับคนรุ่นใหม่ ผมก็คุยได้กับทุกคน ผมจะไปรับฟัง คนรุ่นใหม่ ว่าเขารู้สึกอะไรบ้าง เขามีความโกรธอะไรบ้าง เขามีความหวังตรงไหนบ้าง เขาอยากเห็นความเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง สิ่งที่ทำให้เขาลำบากกันคืออะไร ผมรักความสงบ ความมั่นคง ถ้าบอกว่ามันต้องเปลี่ยนคืนนี้เลย รู้ไหมว่าคนจะลำบากแค่ไหน ตอบคือ “ลำบากเยอะมาก” แล้วเงินที่เสียไป มันเสียไปเข้ากระเป๋าใครเต็มไปหมด ผมจึงไม่เชื่อว่าทุกอย่างจะเปลี่ยนได้ในชั่วข้ามคืน เชื่อว่ามันต้องเป็นเกมที่ยาว ที่ต้องใช้ความอดทน ต้องมีความรักที่จะทำสิ่งนั้นให้สำเร็จ ผมมีความหวังที่จะเชื่อมโยงความคิดใหม่ ๆ และความเชื่อแบบเดิม ๆเพื่อให้มีความเข้าใจกันระหว่างสองฝั่ง ซึ่งอาจจะเป็นผสมผสานระหว่างสีดำ และสีขาว แต่สีที่ออกมาไม่ใช่สีเทา แต่เป็นสีใหม่ที่ดีกว่า สดใสกว่า” พีเค กล่าว
ภารกิจ SoftPower เครื่องยนต์เศรษฐกิจสร้างรายได้ให้ประเทศชาติและในบทบาทที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลภารกิจ SoftPower ในฐานะที่เป็นศิลปิน ที่ทำงานศิลปะมา 15 ปี ถือได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของเศรษฐกิจที่สร้างสรรค์ และโดยส่วนตัวก็ทำงานมาเกือบจะครบทุกด้านของ 5F คือ Food, Film, fashion, Fighting และ Festival มีความรู้ความเข้าใจในฐานะที่ศิลปินที่ได้คลุกวงใน และได้ทำงานในลักษณะนี้มาโดยตลอด เชื่อว่าจะเป็นเครื่องยนต์เศรษฐกิจที่สามารถสร้างรายได้ เพิ่มจีดีพี ให้กับประเทศชาติได้
ในฐานะที่เป็นศิลปิน ทำงานศิลปะ มองว่าศิลปะก็คือธุรกิจและธุรกิจก็คือการสร้างสรรค์ ณ ตอนนี้เราต้องหาโซลูชั่นใหม่ ๆ ที่เปลี่ยนไปตามโลกที่พัฒนาตลอดเวลา ผมเชื่อว่าการที่จะหาคำตอบนี้ไม่ง่าย ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์สูง ซึ่งผมจะทำหน้าที่ที่ได้รับผิดชอบให้ดีที่สุด
พีเค ทิ้งท้าย ด้วยสิ่งที่เขาอยากเห็นความเท่มเทียมทางสังคม โดยเฉพาะเรื่องความเท่าเทียมทางเพศวิถี เป็นสิ่งที่ควรทำได้แล้ว ส่วนตัวไม่อยากสร้างปัญหาใหม่ แต่อยากแก้ปัญหาเก่ามากกว่า โดยเฉพาะเรื่องเพศวิถี ที่ไม่ได้มีแค่ LGBTQIA+ แต่ประเทศไทยเองได้แบ่งแยกเพศไว้ถึง 18 ประเภท ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา มากกว่าฝรั่งและเก่าแก่กว่า
ดังนั้นจึงถึงเวลาที่จะต้องแก้ไขให้เป็นรูปธรรมเพื่อให้เกิดความเท่าเทียมทางสังคมได้แล้ว
จากนี้ไป ก็ต้องจับตา ว่าเส้นทางเดินบนสายการเมืองของ ศิลปินหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรงผู้นี้ จะสร้างปรากฎการณ์อะไรใหม่ ๆ ให้กับสังคมภายใต้ร่มเงาของ “พรรคกล้า” ที่ประกาศตัวมาตลอดว่า “มาเพื่อลงมือทำ”