นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทยเปิดเผยว่า ร่างงบประมาณรายจ่ายปี 2566 ที่จะมีการนำมาพิจารณาในสภาวาระแรกวันอังคารนี้ พรรคสร้างอนาคตไทยเห็นว่า การจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี 66 วงเงิน 3.185 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 85,000 ล้านบาท จากงบประมาณปี 2565 เป็นการจัดทำงบประมาณโดย รัฐบาลยังใช้สมติฐานเดิมของสถานการณ์เศรษฐกิจที่ผ่านมา
กล่วคือ คาดการณ์อัตราการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ(จีดีพี) ดีเกินไปคือ ปี 2565 ประมาณ 3.5-4.5% และปี 2566 อยู่ที่ 3.2-4.2% ขณะที่ล่าสุดสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.)คาดการณ์ทั้งปี 2565 ที่ 2.5-3.5%
ขณะเดียวกันยังคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อที่ต่ำเกินไปด้วย โดยประมาณการที่ 1.5-2.5% ในปี 2565 และ 0.5-1.5% ในปี 2566 ทั้งที่อัตราเงินเฟ้อของประเทศไทยนั้น เริ่มขยับขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วงปลายปี 2564 คือ เงินเฟ้อทั้งปี 2564 เท่ากับ 1.23% แต่เงินเฟ้อในเดือนธันวาคม 2564 ขยับขึ้นเป็น 2.17% ตามด้วย 3.23% ในเดือนมกราคม 2565 และ 5.28% ซึ่งเกินกว่า 5% ตั้งแต่ไตรมาส 1 แล้ว และยังน่าจะปรับสูงขึ้นไปอีก
"หากรัฐบาลยังคงใช้สมมติฐานเหล่านี้จัดทำงบปี 2566 นับว่าสุ่มเสี่ยงต่อการแก้ปัญหาเศรษฐกิจไม่ได้ผล และในช่วงสถานการณ์ไม่ปกติ ความผันผวนเศรษฐกิจโลก นับเป็นพายุทรงพลังที่จะสร้างความเสียหายอย่างมาก หากยังใช้สมติฐานเดิมมาใช้จัดทำงบประมาณปี 2566"นายอุตตมกล่าว
ขณะที่หลายประเทศทั้งสหรัฐ ยุโรป แสดงความเป็นห่วงปัญหาเงินเฟ้อ เพื่อปรับเพิ่มดอกเบี้ย แต่ไทยยังต้องการให้ดอกเบี้ยต่ำ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ จึงนับเป็นความท้าทายอย่างมาก การใช้งบประมาณในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ทั้งราคาน้ำมันแพง กระทบต้นทุนสินค้า ขณะที่เม็ดเงินดูแลใกล้หมด รายได้ภาษีไม่ได้ตามเป้าหมาย
ทั้งนี้การใช้งบประมาณนับเป็นกลไกสำคัญอย่างมากต่อเศรษฐกิจชะลอตัวขณะนี้ หากยังไม่เปลี่ยนแปลงโครงสร้างการจัดทำงบประมาณให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงในขณะนี้อาจมีปัญหาหนักมาก อีกทั้งหลายประเทศเริ่มชะลอการส่งออกอาหาร เพื่อเก็บสำรองไว้ใช้ในประเทศเพื่อความมั่นคงทางอาหาร จึงเริ่มมีปัญหาบานปลายต่อหลายประเทศ
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคสร้างอนาคตไทย กล่าวว่า หลังจากได้ลงพื้นที่พบปะประชาชนในช่วงที่ผ่านมา พบว่า มีกระแสอยากให้เกิดการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล เพราะประชาชนขาดความเชื่อมั่น ขาดความคาดหวัง
"กรณีที่ฝ่ายค้านส่งสัญญาณ ใช้เรื่องการจัดทำงบประมาณรายจ่ายปี 2566 มาผลักดัน เพื่อต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล ในส่วนพรรคสร้างอนาคตไทย คงต้องติดตามดูว่า จะเกิดการเคลื่อนไหวอย่างไร หลังจากสภาเริ่มนำงบประมาณรายจ่ายประจำปี 66 มาพิจารณาวาระแรกในวันอังคารนี้"นายสนธิรัตนืกล่าว
นายสันติ กิระนันทน์ กรรมการบริหาร พรรคสร้างอนาคตไทยกล่าวว่า พบข้อสังเกตุการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี 66 หลายด้านอาจเกิดความเสียหายได้ เช่น การจัดสรรงบลงทุน 21.82% แต่พบว่า ลงจริงได้เพียง 15.46% จึงอาจไม่ทำให้เกิดการลงทุนได้แท้จริง ต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจได้ รวมถึงการจัดสรรเป็นเงินอุดหนุน ยังไม่มีรายละเอียด ทำให้ตรวจสอบยากมาก มีสัดส่วนสูงถึง 35.26% นับว่าเกินหนึ่งในสามของงบประมาณ
ขณะที่งบกลางปี 66 ที่มีสัดส่วน 18.50% จำนวน 590,470 ล้านบาท ได้นำเอาเบี้ยหวัดบำนาญมารวมเอาไว้ 330,000 ล้านบาท นับว่าเกิน 50% ของงบกลาง เพื่อดูแลข้าราชการ นับว่ากันเอาไว้มากเกินไป โดยเหลือเอาไว้ใช้จ่ายฉุกเฉิน 92,400 ล้านบาท ไม่ถึง 1 แสนล้านบาท หรือ 1 ใน 6 ของงบกลาง
"หากเจอปัญหาฉุกเฉิน อาจไม่เพียงพอ เห็นได้จากช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 บริหารงบแทบไม่ทัน ซึ่งนายกรัฐมนตรีเป็นผู้พิจารณาและเสนอ ครม.รับทราบ"นายสันติกล่าว
สำหรับแผนบูรณาการ ร่วมกับหลายหน่วยงาน สำหรับแก้ปัญหาภัยแล้ง บริหารจัดการน้ำ โดยไม่มีตัวชี้วัดในการทำให้สัมฤทธิ์ผล จึงอยากให้ยกเลิก เพราะไม่ได้ใช้เป้าหมายจริง เพียงนำงบไปซุกซ่อนเอาไว้
ขณะที่การจัดซื้ออาวุธของกองทุนยังสูงนับหมื่นล้านบาท 60,000 ล้านบาท แม้การพิจารณาในชั้นกรรมาธิการจะพิจารณา ก็ยังไม่เห็นชัดเจน แต่ในสถานการณ์ปัจจุบันควรกันไว้นำมาแก้ปัญหาปากท้อง น้ำมันแพง ต้นทุนสินค้าเพิ่มสูงขึ้น เพื่อไม่ให้ชาวบ้านเดือดร้อน