thansettakij
ลดค่าโอน จดจำนอง-ผ่อนLTV มาแพ็กคู่ 1พ.ค. 68 กู้วิกฤตอสังหาฯหลังแผ่นดินไหว

ลดค่าโอน จดจำนอง-ผ่อนLTV มาแพ็กคู่ 1พ.ค. 68 กู้วิกฤตอสังหาฯหลังแผ่นดินไหว

03 เม.ย. 2568 | 23:23 น.
อัปเดตล่าสุด :04 เม.ย. 2568 | 00:49 น.

ลดค่าธรรมเนียมการโอน -จดจำนอง-ผ่อนผันเกณฑ์ LTV กระทรวงคลัง -ธปท. มาแพ็กคู่ เริ่ม1พ.ค.68 กู้วิกฤตอสังหาฯหลังแผ่นดินไหว 3 สมาคมอสังหาฯชี้กระทบระยะสั้น

 

เศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจในประเทศขยายตัวตํ่า  ตลาดอสังหาริมทรัพย์ซบเซา กำลังซื้อหดหาย โดยมีตัวแปรมาจากหนี้ครัวเรือนสูง ขณะสถาบันการเงินปฏิเสธการปล่อยสินเชื่อและลุกลามมาถึงกลุ่มระดับกลางบน

ภาครัฐมีมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์  ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกมาตรการผ่อนคลายเกณฑ์ LTV กู้ได้ทุกราคาทุกสัญญาเต็ม 100% ตามราคาที่อยู่อาศัย มีผลวันที่ 1 พฤษภาคม2568ถึงวันที่ 30 มิถุนายน2569

ขณะมาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอนและลดจำนองคาดว่า มีกำหนดให้บังคับใช้ในช่วงเดียวกันกับมาตรการ LTV เพื่อเป็นแพ็กเกจคู่กระตุ้นกำลังซื้อกลุ่มที่ต้องการซื้อบ้าน อย่างไรก็ตามยังไม่ทันที่จะ บังคับใช้มาตรการรัฐ

 

ปรากฎว่าเกิด สถานการณ์แผ่นดินไหว ทุบซํ้าตลาดอสังหาริมทรัพย์ หลายฝ่ายประเมินกันว่า อาจนำมาซึ่งการชะลอซื้อ ชะลอโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยหรือไม่ โดยเฉพาะคอนโดมิเนียม และหันมาซื้อที่อยู่อาศัยแนวราบกันมากขึ้น ขณะมาตรการดังกล่าวเข้ามาในจังหวะพอดีที่ดึงความสนใจ

ทั้งกลุ่มคนที่ต้องการที่อยู่อาศัยแนวราบที่หนีมาจากคอนโดมิเนียมสามารถกู้ได้ 100% ทุกสัญญา บ้านหลังที่ 1 หลังที่2 ขึ้นไปทุกระดับราคา  แต่ทั้งนี้ประเมินว่า ความวิตกกังวลจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ สอดรับกับมาตรการที่ออกมา

 นายพรนริศ  ชวนไชยสิทธิ์ นายก สมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทยเปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ว่าจะต้องใช้เวลาและแม้ว่าในระยะสั้น จะมีคนให้ความสนใจบ้านแนวราบมากขึ้นแต่ในที่สุดแล้วด้วย ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตแบบคนเมือง

ที่เลือกไม่ได้ทั้งบุตรหลานต้องไปโรงเรียน ขณะตัวเองต้องทำงานในเมืองการเดินทางที่ต้องพึ่งพารถไฟฟ้าเชื่อว่า จะกลับเข้าสู้ภาวะปกติ ในไม่ช้า เช่นเดียวกับ นายสุนทร สถาพร นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร ระบุว่า ยอมรับว่าเมื่อเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหว จะมี คนให้ความสนใจบ้านแนวราบจำนวนหนึ่ง

รวมถึงบ้านเช่า คอนโดโลว์ไรส์เพราะความตื่นกลัว และเช่าเพื่อรอซ่อมแซมคอนโดมิเนียมที่ได้รับผลกระทบให้แล้วเสร็จก่อน  แต่เมื่อสถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติไม่มีแผ่นดินไหวซํ้าทุกอย่างจะกลับเข้าที่เพราะเชื่อว่าไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตมักอยู่ในสังคมเมืองคือคอนโดมิเนียม

“เชื่อว่าสถานการณ์จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ใช้เวลา เดือนครึ่ง คือทุกอย่างจะจบภายในเดือนเมษายน และพฤษภาคม มีมาตรการรัฐออกมาทั้งผ่อนเกณฑ์LTV และ ลดค่าโอนจดจำนอง ซึ่งจะช่วยเพิ่มการตัดสินใจของผู้ซื้อ”

    เช่นเดียวกับนายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต นายกสมาคมอาคารชุดไทยที่ระบุว่ามาตรการออกมาในจังหวะพอดีสำหรับ คนที่ต้องการเปลี่ยนจากคอนโดมิเนียมเป็นบ้านแนวราบเพราะจากแผ่นดินไหว ถามว่าหากมีรายได้ที่มากพอ และธนาคารปล่อยกู้ได้ง่าย ก็สามารถทำได้ เพราะ วันที่ 1พฤษภาคม ทุกสัญญาทุกราคาสามารถกู้ได้100% แต่ถามว่า จะเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ตนเองได้หรือไม่ เชื่อว่าไม่สามารถทำได้  และมั่นใจว่าสถานการณ์กลับเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็วเมื่อที่พักอาศัยที่ได้รับการซ่อมแซมสู่ภาวะปกติ

 “สมาคมอาคารชุดไทยและผู้ประกอบการร่วมมือกันฟื้นฟูลูกบ้านให้กับมาใช้ชีวิตได้โดยเร็วและเชื่อว่ามาตรฐานโครงสร้างอาคารตั้งแต่ปี2550 ภายใต้กฎกระทรวงรับแรงแผนดินไหว และกฎหมายอาคารชุดที่มีประกันภัยไว้ให้ทุกห้องทุกอาคาร” 

นายกมลภพ  วีระพละ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์  (ธอส.) เปิดเผยว่า สถานการณ์การโอนที่อยู่อาศัย และคอนโดมิเนียม เริ่มกลับมาเป็นปกติแล้ว หลังจากเกิดเหตุสถานการณ์แผ่นดินไหว วันที่28มีนาคม โดยมียอดโอน เฉลี่ยใกล้เคียงสถานการณ์ปกติวันละ 400 ราย หลังจากธนาคารและผู้ประกอบการคอนโดมิเนียม มีการร่วมมือกันเร่งสร้างความเชื่อมั่นตรวจรับรองว่าโครงสร้างอาคารมีความแข็งแกร่งและสามารถเข้าอยู่อาศัยได้ก็ทำให้ลูกค้ามีความเชื่อมั่นมากขึ้น และกลับมาโอนเป็นปกติ

“ยอมรับว่าในช่วงวันแรก หลังเกิดแผ่นเหตุแผ่นดินไหว มีลูกค้าชะลอการตัดสินใจโอนคอนโดมิเนียมไปบ้างแต่เป็นแค่ช่วงระยะสั้น และเชื่อว่าจะไม่เกิดปัญหาเรื่องการทิ้งใบจองหรือยกเลิกสัญญาอย่างที่กังวลแต่อย่างใด เนื่องจากตอนนี้ความต้องการที่อยู่อาศัยยังคงมีต่อเนื่องทั้งในส่วนของบ้านเดี่ยวทาวน์เฮาส์รวมถึงคอนโดคอนโดมิเนียม”

อย่างไรก็ตามนายเผ่าภูมิ  โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่ากากระทรวงการคลัง ได้ออกมาตอกยํ้า ว่า กระทรวงการคลัง เตรียมออกมาตรการลดค่าธรรมเนียมโอนและค่าจดจำนองในเร็วที่สุด รวมทั้งทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)

ได้เตรียมผ่อนปรนมาตรการ LTV ที่จะเริ่มวันที่ 1 พฤษภาคมนี้ จะช่วยสนับสนุนให้ภาคอสังหาริมทรัพย์  ไปในทิศทางที่ดีขึ้น โดยได้มีการประเมินว่าหากภาครัฐไม่มีมาตรการออกมาเลย จะส่งผลต่อความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยหดตัวที่ -3.5% ส่วนกรณีถ้ามีเพียงหนึ่งมาตรการ จะขยายตัว 1.6% และถ้ามีสองมาตรการ จะขยายตัว 9.7%

 ขณะที่ในฝั่งซัพพลายหรือความต้องการขายนั้น มาตรการจะส่งผลผู้ประกอบการ วางแผนการลงทุนยูนิตขายใหม่มากขึ้น โดยหากไม่มีมาตรการเลย การเพิ่มขึ้นของยูนิตใหม่ หดตัวที่ -0.8% ถ้ามีหนึ่งมาตรการ จะขยายตัวที่ 16.8% และถ้ามีสองมาตรการ จะขยายตัวที่ 22.6%

 เชื่อว่านับจากนี้ ทุกอย่างจะเริ่มเข้าที่เข้าทางหากไม่ภัยพิบัติ หรือสถานการณ์ ที่ไม่สามารถคาดเดาซํ้าอีก

 

 

หน้า 20  หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 45 ฉบับที่ 4,085 วันที่ 6 - 9 เมษายน พ.ศ. 2568