ที่รัฐสภา นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) อภิปรายร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 วงเงิน 3.185 ล้านล้านบาท ว่า หลักการในการจัดทำร่างนโยบายฉบับนี้มีเป้าหมายทำให้ประเทศได้รับการฟื้นฟู จากผลกระทบการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโคโรนา ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และทรัพยากรมนุษย์
โดยมุ่งเน้นให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น มีการพัฒนาเสริมสร้างศักยภาพตลอดช่วงชีวิต ตั้งแต่เด็กจนกระทั่ง วัยกลางคนและวัยชราให้มีหลักประกันและความคุ้มครองทางเศรษฐกิจสังคม รวมถึงกลุ่มผู้เปลาะบางและผู้ด้อยโอกาสด้วย
แต่น่าเสียดายเรื่องดีๆ แบบนี้ แกนนำพรรคฝ่ายค้านไปตั้งฉายาว่า เป็นขอทานจัดงานวันเกิด เป็นการด้อยค่า ฝ่ายค้านไม่น่ามาด้อยค่าเงินที่จะไปถึงมือช่วยเหลือประชาชน โดยเฉพาะโครงการสวัสดิการแห่งรัฐ โครงการคนละครึ่งเงินช่วยเหลือต่างๆ
"ส่วนแกนนำฝ่ายค้านอีกคน เปรียบงบฯ ว่าเป็นงบฯ ช้างป่วยที่ปรับตัวไม่ได้ ตนขออนุญาตแก้ต่างแทน ช้างตัวนี้ไม่ได้ป่วย แม้จะพบสารพัดโรคที่กระหน่ำเข้ามาอย่างรุนแรง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ก็ยังดูแลขับเคลื่อนประเทศไทย
ซึ่งเสมือนช้างที่ทรงพลัง ได้เดินหน้าฝ่าวิกฤตไปได้ไม่เช่นนั้นมาไม่ได้ขนาดนี้ หลังจากเลือกตั้งมาก็ 3 ปีเข้าไปแล้วจะเข้าปีที่ 4 ถือเป็นช้างที่ปรับตัวได้อย่างดี พร้อมที่จะต่อสู้วิกฤตได้ทุกอย่าง"
นายไพบูลย์ กล่าวอภิปรายต่อว่า ส.ส.พรรคฝ่ายค้าน ประกาศจะโหวตคว่ำงบประมาณฉบับนี้ พวกท่านไม่เป็นไร เพราะพวกท่านมีเงินเดือนประจำตำแหน่งกันทุกคน ก็ไม่กลัวที่จะเดือดร้อน แต่ประชาชนที่รอเงินช่วยเหลือเดือดร้อน
ดังนั้น ตนไม่เห็นด้วยที่จะไปโหวตคว่ำสิ่งที่เป็นประโยชน์กับประชาชน โดยเฉพาะในงบประมาณที่เป็นรายจ่ายการลงทุนถึง 690,000 ล้านบาท คิดเป็น 21.82% เงินที่จะไปลงทุนพัฒนาเศรษฐกิจสร้างงานสร้างความเจริญก็จะกระทบไปหมด
ตนเชื่อว่า ส.ส.ที่รักประชาชนจะช่วยให้ร่างงบประมาณนี้ผ่านไป เพราะงบประมาณปี 66 เปรียบเหมือนสายฝนที่พร่างพรมโปรยปรายทั่วแผ่นดิน อำนวยความสดชื่นชื่นฉ่ำให้ชีวิตชีวากับประชาชนทั้งแผ่นดิน