นายกฯ-ฝ่ายค้าน"แลกหมัด”อภิปราย “งบ 66”

01 มิ.ย. 2565 | 06:46 น.
อัปเดตล่าสุด :01 มิ.ย. 2565 | 13:52 น.

ศึกอภิปรายงบประมาณ "บิ๊กตู่" แจงงบ 3.18 ล้านล้าน เน้นพัฒนา-ฟื้นฟูประเทศทุกด้าน "ผู้นำฝ่ายค้าน"ประกาศกลางสภาคว่ำงบวาระแรก จี้คืนความสุขให้ประชาชน เปรียบเป็นงบเรียกค่าไถ่ เอื้อพรรคร่วม

ศึกอภิปรายงบประมาณ "บิ๊กตู่" แจงงบ 3.18 ล้านล้าน เน้นพัฒนา-ฟื้นฟูประเทศทุกด้าน "ผู้นำฝ่ายค้าน"ประกาศกลางสภาคว่ำงบวาระแรก จี้คืนความสุขให้ประชาชน เปรียบเป็นงบเรียกค่าไถ่ เอื้อพรรคร่วม 
การประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2566 กรอบวงเงิน 3.18 ล้านล้านบาท ในวาระที่ 1 ได้เริ่มขึ้น เมื่อวันที่ 31 พ.ค.2565 และจะอภิปรายกันไปถึงวันที่ 2 มิ.ย.ก่อนโหวตลงมติ


ในวันแรก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ชี้แจงตอนหนึ่งถึงการจัดทำร่างพ.ร.บ.งบประมาณฉบับนี้ว่า เป็นการดำเนินงานต่อเนื่องจากปีงบประมาณ 2565 ซึ่งเศรษฐกิจไทยในปี 2566 คาดว่าจะขยายตัวในช่วงร้อยละ 3.2 - 4.2 โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของอุปสงค์ภายในประเทศ การขยายตัวของภาคการท่องเที่ยว การส่งออกสินค้ามีแนวโน้มขยายตัวในเกณฑ์ดี 
ขณะที่ยังมีข้อจำกัด และปัจจัยเสี่ยง จากความผันผวนของระบบเศรษฐกิจ การเงินโลก และการกลายพันธุ์ของไวรัส รวมทั้งการลดลงของแรงขับเคลื่อนทางการคลัง โดยคาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะอยู่ในช่วงร้อยละ 0.5 - 1.5 

ภายใต้สภาวการณ์ทางเศรษฐกิจดังกล่าว รัฐบาลจึงมีความจำเป็นต้องดำเนินนโยบายการคลังแบบขยายตัว ผ่านการจัดทำงบประมาณขาดดุล เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจให้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง โดยกำหนดรายได้สุทธิ จำนวน 2.49 ล้านล้านบาท และเงินกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ จำนวน 9.45 แสนล้านบาท รวมเป็นรายรับ จำนวน 3.18 ล้านล้านบาท ซึ่งเท่ากับวงเงินงบประมาณรายจ่าย


พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ 2566 มีเป้าหมายให้ประเทศได้รับการพัฒนา และฟื้นฟูจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019  ทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม ทรัพยากรมนุษย์ ความมั่นคง และสิ่งแวดล้อม โดยมุ่งเน้นให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี 

อัดจัดงบเอื้อพรรคร่วม 

 

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวเปิดอภิปรายร่างพ.ร.บ.งบประมาณ ตอนหนึ่งว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านโดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยให้ความสำคัญกับร่างกฎหมายนี้ เพราะเป็นร่างงบประมาณปีสุดท้าย ก่อนรัฐบาลครบวาระ หากครบวาระตามอายุสภาฯ และตามอายุรัฐบาลก็จะครบในวันที่ 23 มี.ค.2566 เชื่อว่าอาจมีเหตุการณ์ทำให้หมดอายุเร็วกว่านั้น


ร่างพ.ร.บ.งบประมาณทุกปี ส่วนใหญ่ฝ่ายค้านมีมติเห็นชอบในชั้นวาระรับหลักการ เพราะเข้าใจความจำเป็นในการใช้งบประมาณ และร่วมเป็นกรรมาธิการ ทุกอย่างเพื่อตอบสนองสิ่งที่รัฐบาลบอกว่าต้องการแก้ไขปัญหาให้ประเทศ แต่ 2-3 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลไม่เห็นหัวประชาชน ผลสัมฤทธ์การใช้งบฯ ไม่ตอบโจทย์ 
“แต่ครั้งนี้เราจะพิจารณาอย่างถี่ถ้วน มติพรรคร่วมฝ่ายค้านบอกชัดเจนว่าจากการพิจารณาเอกสารงบประมาณทั้งหมด ประกอบกับสภาวะการณ์ประเทศขณะนี้ และผู้บริหารงบประมาณ ครม. นายกฯ และรัฐบาล ที่จะนำเม็ดเงินไปใช้ เรามีข้อสรุปว่าเราไม่สามารถรับหลักการนี้ได้ เพราะจะเป็นการทำลายประเทศ แม้ว่าจะสูญเสียโอกาสไปบ้าง แต่เพื่อนำไปจัดสรรใหม่ให้เกิดประโยชน์”


ชี้นายกฯหมดสภาพ


นพ.ชลน่าน กล่าวถึงเหตุผลที่ไม่รับร่างพ.ร.บ.งบประมาณฉบับนี้ เหตุผลแรกคือ รัฐบาลหมดสภาพ และสิ้นสภาพไปแล้ว เรามีหลักฐานเชิงประจักษ์ ทั้งการบริหารจัดการ มาตรการที่จำเป็นต่างๆ บริหารด้วยวาจา แก้ตัวโยนโทษให้คนอื่น และพยายามเหนี่ยวรั้ง หาโอกาสอยู่ต่อสืบทอดอำนาจ ทั้งที่ตัวเองไร้ความรู้ความสามารถ 


“ตัวนายกฯ เอง เชื่อว่าประชาชนส่วนใหญ่ยังเคารพ แต่ตัวท่านเองไม่เคารพตัวเอง นอกจากขาดความรู้ความสามารถบริหารจัดการประเทศจนล้มเหลวแล้ว ท่านบอกว่าจะคืนความสุขให้ประชาชน ถามว่า 8 ปีที่ผ่านมานั้นมีหรือไม่ คืนความสุขให้แต่ตัวเองและพวกพ้อง


สิ่งที่น่าเสียใจที่สุด เมื่อท่านมาจากการยึดอำนาจ ก็มาแปลงร่างว่ามาจากประชาธิปไตยใช้กลไกแก้รัฐธรรมนูญ จัดทำกติกาเอื้อประโยชน์ให้ตัวเอง ทำให้เป็นประชาธิไตยเพียงวาทกรรม แต่การกระทำยังยึดอำนาจเงียบ ยึดตัวเองเป็นใหญ่”

                                  นายกฯ-ฝ่ายค้าน\"แลกหมัด”อภิปราย “งบ 66”
นพ.ชลน่าน กล่าวอีกว่า รัฐบาลนี้ฝากมรดกหนี้ไว้ ทั้งหนี้สาธารณะ หนี้ครัวเรือน หนี้เสีย คนจนเพิ่ม ตกงานพุ่ง มาตรการซอฟโลนล้มเหลว เอกชนแห่ปิดกิจการ ล้มเหลวในประเทศและเวทีโลก ปล้นอำนาจประชาชน ไม่สามารถดึงดูดนักลงทุนต่างชาติได้ บริหารประเทขาดหลักนิติรัฐ นิติธรรม ไม่ยึดหลักกฎหมาย นายกฯ เป็นกองปัญหาของประเทศ ควรเปลี่ยนผู้นำเพื่อพาประเทศ พ้นวิกฤติ


“ผมเชื่อมั่นว่านายกฯ จะมีจิตสำนึกรับผิดชอบในสิ่งที่ไม่สามารถบริหารประเทศได้ ควรยุบสภาหรือลาออก ไม่เช่นนั้นจะเป็นกับดักเราในอนาคต โดยมีการซ่อนงบไว้โดยรัฐบาล และผู้บริหารเม็ดเงิน ร่างงบประมาณปี 2566 ถือเป็นทางตันทุกมิติ อีกทั้งเป็นการจัดงบประมาณให้พรรคร่วมรัฐบาล เปรียบเป็นงบเรียกค่าไถ่ เพื่ออยู่ในอำนาจยาว 


ดังนั้นขอให้ชี้แจงให้ประชาชนได้เห็น อย่าปล่อยให้เขาเรียกค่าไถ่ จนนำพาประเทศออกจากวิกฤติไม่ได้ การเลือกตั้งครั้งสุดท้ายสิ่งเหล่านี้ส่อเอื้อประโยชน์ในพื้นที่ของกลุ่มการเมือง ที่คาดว่าจะได้คะแนนนิยม ส่อโกงเพื่อประโยชน์ มีแต่งบสิ้นหวังทุกหน้ากระดาษ” นายชลน่าน ระบุ


“บิ๊กตู่”โต้กลับชลน่าน 


ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ตอบโต้กลับ นพ.ชลน่าน ว่า ที่ นพ.ชลน่าน กล่าวมาว่า มีการใช้จ่ายงบประมาณในการลงทุนลดลงกว่าที่เสนอไว้นั้น เราเสนองบ รายจ่ายลงทุน 624,399 ล้านบาทเศษ แต่เมื่อถึงขั้นการพิจารณาของฝ่ายนิติบัญญัติ ในชั้นกรรมาธิการฯ ได้ปรับลดรายจ่ายลงทุนลง 12,466 ล้านบาทเศษ ทำให้เหลืองบรายจ่ายลงทุนทั้งสิ้น 611,933 ล้านบาทเศษ คิดเป็น 19.74% ของวงเงินงบประมาณ


“ถามว่าใครตัด ผมตั้งมาแล้ว และใครตัด ที่ นพ.ชลน่าน บอกว่าตัดแล้วเอามาใช้งบกลาง ผมไม่ได้สั่งใช้งบกลางเองได้ทั้งหมด เป็นเรื่องที่ต้องเสนอโครงการเข้ามาใน ครม. แล้วโครงการดังกล่าวต้องปรับไปใช้กับโครงการอื่นๆ ที่ไม่ได้รับงบประมาณที่รออยู่ แม้งบประมาณที่ตั้งไว้ 3.18 ล้านล้านบาท ก็ตาม เสนอมาเกิน 50% เป็นจำนวนกว่า 5 แสนล้านบาท กว่าจะปรับลดลงได้ ก็ต้องให้สอดคล้องความต้องการของประชาชนในพื้นที่ 


ไม่ใช่วันนี้จะให้ใครก็ให้ ไม่เหมือนสมัยก่อน บางคน ท่านพูดมาผมก็พูดไป ได้มีการประกาศไว้ว่า ถ้าไม่เลือกก็ไม่ให้ ไปดูว่าทุกแผนงานโครงการลงทุกพื้นที่ทุกจังหวัดหรือไม่"


 พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า ในเรื่องของการส่อทุจริตต่างๆ ก็ไปพิสูจน์กันในกระบวนการยุติธรรม ถ้ามีหลักฐานก็ฟ้องร้องกันไป กรุณาย้อนกลับไปดูด้วยว่า ที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้นในกระบวนการยุติธรรม มีติดคุก หนีคดีหรือไม่


เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ ชี้แจงทิ้งท้ายเสร็จแล้ว จากนั้นได้เดินออกจากห้องประชุมไปทันที