วันที่ 8 มิ.ย.65 ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วย นายประภัตร โพธสุธน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นำชาวนา ผู้นำองค์กรชาวนาดีเด่นแห่งชาติ ประจำปี 2565 และผู้บริหารกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นำโดย ดร.ทองเปลว กองจันทร์ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เข้าเยี่ยมคำนับและรับฟังนโยบายด้านข้าวจากนายกรัฐมนตรี เพื่อเป็นขวัญกำลังใจและรับทราบนโยบายด้านข้าวซึ่งจะนำไปสู่การปฏิบัติที่ถูกต้องเหมาะสม เนื่องในโอกาสวันข้าวและชาวนาแห่งชาติ ประจำปี 2565 ณ ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล
ทั้งนี้ จากมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2552 เห็นชอบให้วันที่ 5 มิถุนายนของทุกปี เป็นวันข้าวและชาวนาแห่งชาติ เพื่อเป็นการรำลึกถึงความสำคัญของข้าวในฐานะที่เป็นพืชอาหารหลักและมีความสำคัญต่อวิถีชีวิตของคนไทยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน รวมทั้งเชิดชูเกียรติและสร้างขวัญกำลังใจให้แก่ชาวนาไทยในฐานะผู้ผลิตอาหารหลักให้กับประชาชน ซึ่งเปรียบเหมือนกระดูกสันหลังของชาติ
ในการนี้ นายกรัฐมนตรีได้แสดงความยินดีกับเกษตรกรและกลุ่มเกษตรกรดีเด่นแห่งชาติ ประจำปี 2565 โดยขอให้นำความรู้และประสบการณ์ไปต่อยอดพัฒนาสร้างมูลค่าผลผลิตข้าวให้มีราคาเพิ่มสูงขึ้น เป็นการเพิ่มพูนรายได้ให้กับครอบครัวมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังสามารถช่วยขับเคลื่อนภาคการเกษตรให้มีความมั่นคงตลอดไป ซึ่งรัฐบาลได้เข้าใจปัญหา เข้าใจถึงความเดือดร้อนของพี่น้องชาวนา โดยที่ผ่านมารัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ พยายามแก้ไขปัญหาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกษตรกรมีรายได้ มีคุณภาพชีวิตที่ดี
สำหรับการจัดทำ Zoning และแผนที่การเกษตร (Agri map) ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จัดทำข้อมูลพื้นที่เพาะปลูกข้าวอยู่ขณะนี้ จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการบริหารพื้นที่เพาะปลูกข้าวให้เหมาสมกับสภาพดินและแหล่งน้ำ และปริมาณความต้องการสำหรับบริโภค และการใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตอาหารสัตว์ และสินค้าแปรรูปที่มีมูลค่าอื่น ๆ ในส่วนของเรื่องพันธุ์ข้าว นายกรัฐมนตรีขอให้มีการพัฒนาพันธุ์ข้าวใหม่ ๆ ให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด รวมทั้งการรับรองพันธุ์ข้าว โดยพิจารณากำหนดพื้นที่สำหรับทดลองเพาะปลูกพันธุ์ข้าวใหม่สำหรับบริโภค และใช้เป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมผลิตอาหารสัตว์ รวมทั้งส่งเสริมให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวสามารถพัฒนาสายพันธุ์ข้าวใหม่ และเพิ่มองค์ความรู้ในเรื่องการแปรรูปผลิตภัณฑ์ข้าว เพื่อใช้ประโยชน์จากข้าวให้มากที่สุด ตอบสนองความต้องการของตลาด อีกทั้งขอให้ส่งเสริมระบบเกษตรแปลงใหญ่ เพื่อลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มผลผลิตต่อหน่วย ส่งเสริมการสร้าง Smart Farmer และเกษตรกรรุ่นใหม่ โดยใช้เทคโนโลยีมาต่อยอดองค์ความรู้และภูมิปัญญาท้องถิ่นต่อไป
นอกจาก นายกรัฐมนตรียังได้รับฟังข้อคิดเห็นจากเกษตรกรผู้ได้รับรางวัลในปีนี้ ซึ่งสะท้อนออกมาว่า นโยบายการรวมกลุ่มเกษตรกรนั้นเป็นสิ่งที่ดีมาก และมีหลายกลุ่มสามารถจดทะเบียนเป็นกลุ่มนาแปลงใหญ่ เพิ่มศักยภาพในการผลิตและจำหน่าย ขณะเดียวกันก็ลดต้นทุนการเพาะปลูกได้ด้วย อย่างไรก็ตาม ยังมีอุปสรรคในเรื่องการส่งออกอยู่บ้าง ซึ่งทางกระทรวงเกษตรฯ รับไปดูแลแล้ว โดยในอนาคตจะเห็นเกษตรกรที่รวมกลุ่มฯ สามารถส่งออกข้าวไปยังผู้ซื้อต่างประเทศได้โดยตรง ไม่ต้องผ่านคนกลาง มีรายได้เพิ่มอย่างยั่งยืน