วันนี้ (30 มิ.ย.65) ที่ห้องประชุม CA 308 สภาผู้แทนราษฎร นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะประธานกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการเข้าชื่อเสนอถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ..... เปิดเผยว่า การพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ได้ดำเนินการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการเข้าชื่อเพื่อถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ..... เสร็จแล้ว
โดยมีสาระสำคัญ และประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับจากร่างพระราชบัญญัติ ซึ่งมีสรุปได้ดังนี้
1. ร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ เป็นกฎหมายเฉพาะที่เป็นการส่งเสริมสิทธิการมีส่วนร่วมของประชาชนในการปกครองท้องถิ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยการเปิดโอกาสให้กับประชาชนในท้องถิ่นสามารถเข้าชื่อกันเพื่อถอดถอน หรือ เข้าชื่อขอให้มีการสอบสวนเพื่อถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่นได้ เพื่อให้เป็นไปตามบทบัญญัติในมาตรา 254 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช 2560
2.ร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ได้กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการเข้าชื่อเพื่อถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่น หรือ ผู้บริหารท้องถิ่น โดยการปรับลดจำนวนผู้มีสิทธิเข้าชื่อถอดถอนเพื่อให้เหมาะสมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่
นอกจากนี้ ได้กำหนดมาตรการกรณีการเข้าชื่อขอให้มีการสอบสวน เพื่อถอดถอน ที่แตกต่างไปจากขั้นตอนการสอบสวนตามกฎหมายจัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยกำหนด
(1) เหตุในการเข้าชื่อเพื่อขอให้สอบสวนและถอดถอน
(2) จำนวนผู้มีสิทธิเข้าชื่อขอให้มีการสอบสวนเพื่อถอดถอน
(3) เอกสารที่ต้องยื่นในการขอให้มีการสอบสวน
(4) กำหนดหลักเกณฑ์ในกระบวนการพิจารณา การคัดค้านและการขอถอนชื่อ ขั้นตอนและวิธีการสอบสวน การแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนโดยให้มีองค์ประกอบเกี่ยวกับจำนวนและคุณสมบัติของกรรมการสอบสวนไว้เป็นการเฉพาะ ทั้งนี้ เพื่อเป็นหลักประกันในกระบวนการสอบสวนและการพิจารณาให้มีความเป็นธรรมแก่สมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่น
กำหนดให้ผู้กำกับดูแลมีหน้าที่ตรวจสอบความถูกต้อง และความครบถ้วนของเอกสารเพื่อให้กระบวนการใช้สิทธิของประชาชนเกิดผลสัมฤทธิ์ ตามที่ได้มีการเข้าชื่อกันเพื่อถอดถอนจนครบเกณฑ์จำนวนตามที่กฎหมายกำหนด และเป็นบทบังคับให้ผู้กำกับดูแลต้องดำเนินการถอดถอน หรือดำเนินการให้มีการสอบสวนหากมีการเข้าชื่อครบจำนวน อันเป็นการจำกัดอำนาจดุลพินิจของผู้กำกับดูแลให้แตกต่างไปจากกฎหมายจัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งมิได้เป็นการเพิ่มอำนาจในการกำกับดูแลแต่ประการใด
โดยกำหนดให้ (1) ผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นผู้กำกับดูแลสำหรับองค์การบริหารส่วนจังหวัด เทศบาล องค์การบริหารส่วนตำบล เมืองพัทยา และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่นที่มีกฎหมายจัดตั้ง และ (3) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้กำกับดูแลสำหรับกรุงเทพมหานคร ทั้งนี้ เพื่อให้มีมาตรฐานในการกำกับดูแลองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
นายนิพนธ์ กล่าวอีกว่า การดำเนินการร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวนั้น เป็นไปตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ ที่ต้องการให้ประชาชนเข้ามีส่วนร่วมในระบอบประชาธิปไตย และสร้างการเมืองภาคประชาชน ที่ประชาชนตรวจสอบการทำงานของผู้บริหารและสมาชิกองค์กรปกครองท้องถิ่นในทุกระดับ ตามสัดส่วนที่เหมาะสม
“ตรงนี้ขอยืนยันว่า การพิจารณาของคณะกรรมาธิการในร่างกฎหมายนี้ ไม่มีเจตนาที่จะสร้างปัญหาในการทำงานให้แก่องค์กรปกครองท้องถิ่น แต่ตรงกันข้ามกลับเป็นประโยชน์มากกว่ากฎหมายจัดตั้งองค์กรปกครองท้องถิ่นเดิมในแง่ของการสร้างความเข้มแข็งให้การทำงานขององค์กรปกครองท้องถิ่น ที่จะปฏิบัติงานด้วยความระมัดระวัง มีความรอบคอบ และยึดระเบียบกฎหมายเป็นหลักซึ่งจะเป็นเกราะป้องกันไม่ให้มีการฟ้องร้องในเรื่องคดีความกับผู้บริหารและสมาชิกองค์กรปกครองท้องถิ่นในภายหลัง
ขณะเดียวกัน ที่มีการยื่นเรื่องของ 3 สมาคมองค์กรปกครองท้องถิ่นนั้น ได้ให้ฝ่ายเลขาฯ รับเรื่องดังกล่าวเพื่อเป็นข้อสังเกตไว้แล้ว และหากสภาฯ เห็นชอบก็จะส่งไปยังคณะรัฐมนตรีให้ดำเนินการต่อไป” นายนิพนธ์ ระบุ