รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปราม (ป.ป.ช.) แจ้งว่า ป.ป.ช.ได้สรุปสำนวนฟ้อง นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยแล้ว โดยให้ยื่นฟ้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง แทนการฟ้องที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 9 เนื่องจากผู้ถูกกล่าวหาเป็นคนมีอิทธิพลในพื้นที่จังหวัดสงขลา
ทั้งนี้คดีนี้มีรายงานข่าวที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. เมื่อวันที่ 5 ก.ค.ที่ผ่านมา มีการประชุมพิจารณาร่างคำฟ้องคดีอาญา นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) สงขลา กรณีละเว้นไม่เบิกจ่ายเงินค่ารถซ่อมบำรุงทางอเนกประสงค์ ให้แก่ บริษัท พลวิศว์ เทคพลัส จำกัด จากที่สำนักคดี ป.ป.ช.ดำเนินการยกร่างคำฟ้องเสร็จสิ้นแล้ว และนำมาเสนอให้ที่ประชุมพิจารณา โดยที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติ 5 ต่อ 2 เสียง ให้ยื่นฟ้องคดีนี้ต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง แทนศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 9
รายงานข่าวแจ้งว่า เหตุที่มีการเสนอให้ย้ายศาลเพื่อฟ้องคดีอาญา นายนิพนธ์ จากศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 9 มาเป็นศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางนั้น เนื่องจากเห็นว่า ปัจจุบัน นายนิพนธ์ ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งเป็นตำแหน่งที่มีอิทธิพลในพื้นที่จังหวัดสงขลา
นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการ ป.ป.ช. เปิดเผยว่า สำนักคดีของป.ป.ช. ดำเนินการฟ้องคดีดังกล่าวต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง แทนศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 9 เนื่องจากอาจจะเกี่ยวกับเรื่องอิทธิพลในพื้นที่ และต้องการปกป้องพยาน อีกทั้งกระทรวงมหาดไทยก็อยู่ในส่วนกลางสามารถฟ้องได้
“เรื่องการหยุดปฏิบัติหน้าที่ของ รมช.มหาดไทยนั้น เป็นเรื่องข้อกฎหมาย เป็นดุลพินิจของศาล โดยป.ป.ช.คงไม่ต้องขอให้ศาลสั่ง และในคำร้องก็ไม่เคยเขียนว่า ขอให้ผู้ถูกกล่าวหาหยุดปฏิบัติหน้าที่ ดังนั้นเป็นเรื่องที่จะมีผลโดยทราบของกฎหมายเมื่อศาลประทับฟ้อง อันนี้ต้องแล้วแต่ศาลสั่ง” เลขาฯ ป.ป.ช.ระบุ
ด้าน นายนิพนธ์ กล่าวว่า ไม่รู้จะพูดอย่างไรแล้วกับการทำงานของ ป.ป.ช.ประวัติตนไม่เคยปรากฏเรื่องการเป็นผู้มีอิทธิพล และอาจจะเป็นคดีแรกที่มีการฟ้องนอกเขตอำนาจศาล
“เหตุเกิดในพื้นที่ภาค 9 ซึ่งปกติเมื่อเหตุเกิดในภาค 9 มีเขตอำนาจศาลอยู่แล้ว พยานหลักฐานทุกอย่างอยู่ในภาค 9 ควรดำเนินคดีในภาค 9” นายนิพนธ์ กล่าวและว่า การกล่าวหาว่าตนมีอิทธิพล ถือว่ามีความเสียหาย การพูด หรือให้ข่าวใส่ร้ายควรระมัดระวัง
“ยืนยันว่าผมไม่ใช่ผู้มีอิทธิพล ไปสืบดูได้ในจังหวัดสงขลา หรือในภาค 9 ไม่เคยสนับสนุนการทำผิดกฎหมาย ไม่เคยค้าขายของผิดกฎหมาย บ่อนการพนันไม่เคยเปิด คนให้ข่าวต้องระมัดระวังด้วย”
นายนิพนธ์ กล่าวยืนยันว่า ไม่ประสงค์จะทะเลาะกับป.ป.ช.เพราะไม่เกิดประโยชน์อะไร แต่อยากจะขอความเป็นธรรม เมื่อเรื่องมันเกิดในพื้นที่ภาค 9 การฟ้องร้อง จับกุมคดีฮั้วประมูลศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 9 ก็ดำเนินการมาตั้งแต่ต้น
“ป.ป.ช.เองก็ไปแจ้งความดำเนินคดีกับบุคคล และนิติบุคคลที่ร่วมฮั้วประมูลในเขตภาค 9 ผู้ต้องหาบางคนหลบหนีไปต่างประเทศ บางคนโดนจับกุม ศาลไม่ให้ประกันตัวยังนอนอยู่ในเรือนจำ ทำไม ป.ป.ช.ทำเหมือนไม่เชื่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 9 มันเกินข้อเท็จจริงไป”
นายนิพนธ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า เวลาจะกล่าวหาใครว่าเป็นผู้มีอิทธิพล เป็นการกล่าวใส่ร้ายต้องระมัดระวัง ผมมีตำแหน่งทางการเมืองด้วย เป็นรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นรัฐมนตรีช่วยมหาดไทย พรรคเขาเสียหายด้วย