"นิคม"เปิดแผลปั่นหุ้นARIN "สุชาติ"โต้ทุกเม็ดยัน"ถูกต้อง-โปร่งใส"

19 ก.ค. 2565 | 15:57 น.
อัปเดตล่าสุด :19 ก.ค. 2565 | 23:06 น.

"นิคม"แลกหมัด"สุชาติ" กล่าวหาแสวงประโยชน์นำเข้าแรงงานต่างด้าว เอื้อเอกชนรายใหญ่ ปล่อยปละให้เก็บส่วยแรงงาน ใช้ตำแหน่งเอื้อประโยชน์ปั่นหุ้นธุรกิจครอบครัว ด้านรัฐมนตรีแรงงานโต้ทุกเม็ด ยันบอร์ดประกันสังคมมีอิสระบริหารงาน  

วันที่ 19 มิ.ย.2565 เมื่อเวลา 20 นาฬิกาเศษ นายนิคม บุญวิเศษ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังปวงชนไทย ขึ้นอภิปรายไม่ไว้วางใจนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน  ในพฤติการณ์และเรื่องที่จะอภิปรายเกี่ยวกับการใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่เอื้อประโยชน์  การแสวงประโยชน์จากการนำเข้าแรงงานต่างด้าวเข้าประเทศ และเอื้อประโยชน์ผู้ประกอบการรายใหญ่ 

 

นายนิคมอภิปรายกล่าวหานายสุชาติ 3 เรื่องใหญ่ ๆ คือ 1.การบริหารจัดการการนำแรงงานต่างด้าวเข้ามาทำงานในประเทศ ซึ่งไม่สามารถนำเข้าตามระบบเอ็มโอยูได้เพียงพอ มีต้นทุนค่าใช้จ่ายสูงไม่จูงใจให้เข้ามาตามระบบ ไม่มีการกักตัวเฝ้าระวังเชื้อโควิด-19 ทำให้จังหวัดแนวชายแดนหวาดวิตก  เมื่อได้มาก็มุ่งนำไปทำงานที่ชลบุรีก่อนโดยให้โอกาสโรงงานขนาดใหญ่เป็นหลัก

2.การบริหารจัดการให้แรงงานไทยไปทำงานต่างประเทศ คนงานแบกภาระค่าใช้จ่ายสูงมากกว่าเพื่อนบ้าน ในภาวะโควิด-19 ที่คนยังลำบากก็ยังเก็บเงินประกันการไปทำงานต่างประเทศหัวละ 3,000 บาท เป็นการซ้ำเติมแรงงานไทย 

 

ส่วนเรื่องที่ 3.การใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่เอื้อประโยชน์ครอบครัว นายนิคมอภิปรายชี้ว่า ก่อนเข้าส.ส.และเป็นรัฐมนตรี นายสุชาติและภริยา ถือหุ้นรวม 50 % เศษในบมจ.อรินสิริแลนด์ ประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในชลบุรีและภาคตะวันออก โดยนางสาววิมลจิต อรินทมะพงษ์ เป็นกรรมการผู้มีอำนาจ เมื่อเข้าสู่การเมืองเป็นส.ส.และเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรี ได้โอนหุ้นให้บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนฯรับไปบริหาร 

นายนิคมอภิปรายว่า ระหว่างปี 2562-2564 ในช่วงโควิด บริษัทมีผลประกอบการติดลบต่อเนื่อง ขณะที่ราคาหุ้นของบริษัทก็ติดลบสอดคล้องกันจนถึง 31 มี.ค.2564 แต่พอถึงปลายปีราคาหุ้น ARIN ดีดตัวขึ้นเป็นบวก 76.27 % ทั้งที่รอบปีนั้นผลประกอบการยังขาดทุน และไตรมาส 1 ปี 2565 บวกเป็น 138.95 % และถึง 7 มิ.ย.ที่ผ่านมา ขึ้นเป็น +480.51%   

 

นายนิคมชี้ว่า รัฐมนตรีแรงงานให้กองทุนประกันสังคม นำเงินกองทุนฯไปลงทุนซื้อหุ้นบริษัทด้านพลังงานของนายสอภอ นักปั่นหุ่นที่กำลังประสบปัญหา โดยผิดหลักการลงทุนของกองทุนประกันสังคม ที่ต้องลงทุนในกิจการที่มีความมั่นคงสูง ไม่มีความเสี่ยง โดยอ้างภาวะโควิด-19 จนทำให้หุ้นของกิจการพลังงานฟื้นจากติดลบกลับขึ้นมาได้ ต่อมานายสอภอให้บริษัทลูกของตนเอง 3-4 บริษัท กลับมาเข้าซื้อหุ้นของ ARIN จึงช่วยดันราคาให้ปรับสูงขึ้นดังกล่าว

 

"พฤติกรรมการใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ ไฟเขียวให้บอร์ดประกันสังคม ไปลงทุนในกิจการที่มีความเสี่ยง ไม่เข้าหลักเกณฑ์ที่จะลงทุนได้ ถามรัฐมนตรีว่าเข้าข่ายเป็นการปั่นหุ้นหรือไม่ และเรื่องนี้ทั้งกลต.และปปช.ต้องเข้ามาตรวจสอบ"

 

รวมทั้งการที่ภริยารัฐมนตรี ยังคงนั่งเป็นผู้บริหารกิจการบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ แม้ว่าจะโอนหุ้นไปให้กองทุนจัดการหุ้นของรัฐมนตรีบริหารแล้ว เท่ากับว่ายังถือหุ้นอยู่ เป็นการผิดจริยกรรมของนักการเมือง จากที่กระทำการให้เสื่อมเสียแก่เกียรติศักดิ์ เป็นการขัดกันแห่งประโยชน์ส่วนตนและส่วนรวม 

 

หลังนายนิคมอภิปรายเสร็จสิ้น โดยเป็นฝ่ายค้านคนเดียวที่อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีแรงงาน จากนั้นนายสุชาติ ชมกลิ่น ได้ลุกขึ้นตอบข้อกล่าวหาทันที โดยในประเด็นปั่นหุ้นได้ยืนยันว่า บอร์ดกองทุนประกันสังคม ซึ่งมีตัวแทนจากทุกภาคส่วนนั้น มีอิสระในการบริหารงานอย่างเต็มที่ ไม่ได้มีส่วนต่อการตัดสินใจแต่อย่างใด 

 

"การตัดสินใจลงทุนของบอร์ดประกันสังคม มีข้อกำหนดกฎเกณฑ์ที่ชัดเจนแน่นอน เพื่อสร้างดอกผลให้กองทุนฯมีรายได้เพิ่มอีกปีละ 7-8 พันล้านบาท เพื่อดูแลตามสิทธิประโยชน์ของผู้ประกันตน ส่วนเรื่องอินไซด์ ปั่นหุ้นหรือไม่ การจะดำเนินคดีเป็นเรื่องที่มีหน่วยงานรับผิดชอบ ที่จะติดตามดำเนินการอยู่แล้ว" 

 

ขณะที่ความเป็นมาของการถือหุ้น ARIN นั้น นายสุชาติรับว่า ก่อนเข้าส.ส.ทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มา  ไม่ได้ค้าแป้ง และทำทุกอย่างบนโต๊ะ เปิดเผย ตรวจสอบได้ เมื่อจะเข้าสู่การเมืองได้ให้ความสำคัญกับข้อกฎหมายทุกฉบับ ทำด้วยความโปร่งใส ซื่อสัตย์ ไม่ว่าจะเป็นข้อกำหนดในรัฐธรรมนูญ กฎหมายปปช. พ.ร.บ.ว่าด้วยการถือหุ้นส่วนรัฐมนตรี และทำตามเงื่อนไขที่กำหนดทุกอย่าง 

 

เมื่อกฎหมายห้ามถือหุ้นเกิน 5 % พอรับตำแหน่งก็ดำเนินการตามเงื่อนไขกรอบเวลาที่กำหนดทันที ทั้งการแจ้งประธานป.ป.ช. การโอนหุ้นให้กองทุนจัดการหุ้นรัฐมนตรีรับไปบริหารดูแล ที่บอกว่าราคาหุ้นพุ่งสูงขึ้นมานั้น ตอนนี้หุ้นทั้งหมดก็ยังอยู่ที่บริษัทหลักทรัพย์กองทุนจัดการหุ้นรัฐมนตรีเท่าเดิม ไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวอะไร

 

"ส่วนการเป็นผู้บริหารในธุรกิจของคู่สมรสนั้น กฎหมายบอกว่าถ้าเป็นอยู่แล้วก่อนโอนหุ้น ก็ให้เป็นต่อได้  ก็เป็นไปตามกฎหมายกำหนด" 

 

นายสุชาติตอบโต้กรณีบริหารจัดการด้านแรงงานด้วยว่า ในด้านการนำแรงงานต่างด้าวเข้าประเทศนั้น เนื่องจากได้รับคำร้องเรียนจากผู้ประกอบการหลายอุตสาหกรรมว่าขาดแรงงาน จึงวางระบบMOUนำเข้าแรงงานต่างด้าว  โดยระบุขั้นตอนดำเนินการทุกอย่างไว้ชัดเจน ระบุค่าใช้จ่ายตามจริงทุกอย่าง โดยทางกรมฯเป็นเพียงผู้ประสานงาน ไม่มีอำนาจไปชี้ว่าจะให้ใครไปทำงานที่ไหน เป็นไปตามบัญชีรายชื่อที่ได้จากประเทศต้นทาง และดำเนินการไปตามนั้น 

 

"ที่ว่าจัดคนไปลงชลบุรี ไปให้โรงงานใหญ่เอื้อนายทุนนั้น เรามีตัวเลขการดำเนินการชัดเจน ถ้าแบ่งเป็นกลุ่มที่ขอรับคนงานมีตั้งแต่รายเล็กจำนวนไม่กี่คน ไล่ขึ้นมาจนถึงมากกว่า 200 คน เมื่อไปตรวจดูตัวเลขการรับคนงานต่างด้าวจริง ก็ปรากฎว่าได้คนงานเข้าทำงานจริงในโรงงานแต่ละระดับเฉลี่ยไม่แตกต่างกัน" 

 

ส่วนหัวคิวแรงงานไทยไปต่างประเทศนั้น นายสุชาติย้ำว่า มีทั้งส่วนที่ทางกระทรวงดำเนินการ ซึ่งจะมีการกำหนดอัตราค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ชัดเจนเปิดเผยตามต้นทุนจริง แต่ต้องยอมรับว่าบางตลาดบางประเทศภาคเอกชนเป็นผู้ไปติดต่อมา ต้องเปิดให้เอกชนดำเนินการได้ด้วย แต่ทั้งนี้ก็มีการกำหนดเงื่อนไขค่าใช้จ่ายรายการต่าง ๆ เช่น ไม่เกิน 1 เดือนของเงินเดือนที่ได้รับ ค่าตั๋วเครื่องบินไม่เกิน 3 เท่า ซึ่งเจ้าหน้าที่กระทรวงแรงงานคอยติดตามสอดส่องอยู่แล้ว 

 

ก่อนเสร็จสิ้นการชี้แจง นายสุชาติแสดงความข้องใจถึงญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งเดิมฝ่ายค้านยื่นอภิปรายรัฐมนตรี 10 คน ก่อนเพิ่มชื่อตนภายหลังกลายเป็น 11 คน จนสงสัยว่าเป็นญัตติเถื่อนหรือไม่ ทำให้นายนิคมยกมือชี้แจงสวน ว่าเป็นญัตติถูกต้องผ่านการรับรองของประธานสภาฯแล้ว ไม่รู้ทำไมถึงกลัวถูกอภิปราย 

 

ก่อนจะตอบโต้กันไปมาจนลุกลาม นายศุภชัย โพธิ์สุ ประธานที่ประชุมตัดบทว่า ญัตติถูกต้องแล้ว และขอให้จบเรื่องเพื่อให้การอภิปรายเดินหน้าต่อ