“สาธิต” ยัน บัตร 2 ใบ หาร 100 ประธานสภา เร่งส่งให้กกต.พรุ่งนี้

15 ส.ค. 2565 | 08:26 น.
อัปเดตล่าสุด :15 ส.ค. 2565 | 15:39 น.

“สาธิต” เผย ใช้บัตร 2 ใบ หาร 100 ประธานสภาฯเร่งส่งให้กกต.พรุ่งนี้ ลั่นเสียดายเวลา180 วัน ที่ทำงานมา ระบุกฎหมายลูกมีความทันสมัยมากไปกว่าร่างเดิม แต่ต้องเคารพเสียงส่วนใหญ่

   วันที่ 15 ส.ค.65 นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ในฐานะที่ทำหน้าที่เป็นประธานกรรมาธิการ ขอขอบคุณท่านประธานรัฐสภา ที่ได้ดำเนินการประชุมจนถึงที่สุด และคณะกรรมาธิการในทุกพรรคการเมือง ในฐานะที่เราทำหน้าที่กรรมาธิการที่ได้รับมอบหมายอย่างเต็มที่แล้ว และมีปัญหาอุปสรรคในช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลง ในมาตรา 23

 

สำหรับการประชุมวันนี้เป็นที่ยุติสำหรับกฎหมายฉบับนี้ นำไปสู่การมีผลทำให้ร่างกฎหมายฉบับเดิมของรัฐบาลหรือเป็นร่างที่คณะกรรมการการเลือกตั้งได้เสนอมายังรัฐบาล ยังยืนหยัดบัตร 2 ใบ หารด้วย 100

 

ดังนั้นกฎหมายฉบับเดิมเป็นไปตามร่างการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ผ่านมา ซึ่งถูกต้องตามหลักการ การดำเนินการขั้นต่อไปประธานรัฐสภาได้แจ้งในที่ประชุมแล้วว่าจะถูกส่งไปที่ กกต. ประมาณ 10 วัน หลังจากนั้นจะส่งไปที่นายกรัฐมนตรี ใช้เวลาประมาณ 5 วัน โดยประธานสภาได้แจ้งว่าจะส่งให้ กกต.ในวันพรุ่งนี้
 

  ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รมว.สาธารณสุข

 “ตนเสียดายประเด็นในการแก้ไขระเบียบในชั้นกรรมาธิการที่มีความทันสมัยและก้าวหน้าขึ้น ตนจึงฝาก กกต.ไว้ว่า สิ่งไหนที่สามารถทำได้ ปฏิบัติได้ เช่น การรายงานข้อมูลเข้าในระบบออนไลน์เพื่อให้ประชาชนตรวจสอบได้ และการให้เจ้าหน้าที่หน่วยเลือกตั้งอำนวยความสะดวกให้กับพี่น้องประชาชน ในการถ่ายภาพป้ายคะแนนเลือกตั้ง ซึ่งตรงนี้ไม่ได้ผ่านไปตามกฎหมายฉบับร่างเดิม แต่เป็นข้อกฎหมายที่แก้โดยคณะกรรมาธิการ” 


         โดยนายสาธิต กล่าวต่อว่า ทางเจ้าหน้าที่ กกต. ได้ดำเนินการพูดคุยกันบ้างแล้ว เพราะฉะนั้นหากเป็นเช่นนี้จะทำให้สิ่งที่กรรมาธิการได้ทำงานมา 180 วัน จะเป็นหลักเกณฎ์ที่เป็นประโยชน์ในการเลือกตั้งที่ทันสมัยและก้าวหน้าขึ้น จึงวอนคณะกรรมการการเลือกตั้งทั้ง 9 ท่าน
 

 เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีการถกกฎหมายลักษณะนี้จะทำให้ถูกมองว่าทำให้เสียเวลาและงบประมาณ นายสาธิต กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าเป็นเช่นนั้นจริง เราจะไม่ให้การทำงานของคณะกรรมาธิการที่ทำหน้าที่มา 180 วัน เพื่อให้มีความทันสมัยมากไปกว่าร่างเดิม แต่ต้องเคารพเสียงส่วนใหญ่ เพราะทั้งหมดนี้เป็นกระบวนการในการพิจารณากฎหมายในรัฐสภา ซึ่งการคำนึงถึงเสียงส่วนใหญ่

 

หากจะมองมุมนั้นต้องมองที่ต้นเหตุ สิ่งสำคัญคือมาตรา 23 ที่ถูกแก้ไปในตอนช่วงพิจารณา แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อเดินหน้าผ่านไปแล้วไม่อยากให้กลับไปพูดถึงในอดีต หวังว่าในอนาคตฝ่ายสภานิติบัญญัติหรือฝ่ายรัฐสภา ต้องมีเอกภาพที่จะทำกฎหมายให้ถูกต้องและไม่เสี่ยงต่อการผิดกฎหมาย เพื่อเป็นบรรทัดฐานต่อไปในการพิจารณากฎหมายภายภาคหน้า ก็คือให้มีศักดิ์ศรี