ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันศุกร์ที่ 26 สิงหาคม 2565 ในโอกาส ครบรอบวันเกิดของ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ อดีตประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ที่หากยังมีชีวิตอยู่ จะอายุครบ 102 ปี ทาง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม จะเป็นประธานในพิธีบรรจุอัฐิ พลเอก เปรม ณ สวนประวัติศาสตร์ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ จังหวัดสงขลา
โดยจะมีพิธี “พาป๋า หลบบ้าน” อัญเชิญอัฐิ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ จากวัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร กลับสู่จังหวัดสงขลา โดยเครื่องบิน จากสนามบินดอนเมือง ในวันที่ 19 ส.ค.นี้ โดยมีสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร และเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช เป็นประธานฝ่ายสงฆ์
และ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ประธานองคมนตรี เป็นประธานฝ่ายฆราวาส ในการรับและส่งมอบมอบอัฐิให้กับผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา กลับสู่จังหวัดสงขลา และประกอบพิธีที่ท่าอากาศยานทหารกองบิน 56 โดยทหารกองเกียรติยศ 3 เหล่าทัพ การแสดงมโนราห์ 99 คน
จากนั้นจึงเคลื่อนขบวนอัฐิจากท่าอากาศยานกองบิน 56 ไปยังอาคารเฉลิมพระบารมี โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ เพื่อประกอบพิธีสวดพระอภิธรรม ในวันที่ 20 สิงหาคม 2565 และจะเปิดโอกาสให้ประชาชนได้เข้าเคารพอัฐิ ตั้งแต่เวลา 08.30-20.00 น.
สำหรับวันที่ 21 สิงหาคม 2565 ในช่วงเช้าคณะผู้จัดงานจะทำการเคลื่อนย้ายอัฐิ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ จากโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ โดยขบวนรถบุษบก พร้อมขบวนนักวิ่ง 99 คน ไปยัง สวนประวัติศาสตร์ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ นอกจากนี้ยังมีการวิ่งอีก 2 เส้นทาง คือ บ้านศรัทธา - สวนประวัติศาสตร์ และวัดแหลมพ้อ-สวนประวัติศาสตร์
จากนั้น คณบดีคณะแพทยศาสตร์ จะส่งมอบอัฐิให้กับผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เพื่อประกอบพิธีสวดพระอภิธรรมในช่วงค่ำของทุกคืน ตั้งแต่วันที่ 21-25 สิงหาคม เวลา 17.00 - 20.00 น.
ส่วนในวันที่ 26 สิงหาคม 2565 มีกิจกรรมประกอบด้วยตักบาตรพระสงฆ์จำนวน 99 รูป บริเวณลานอนุสาวรีย์ สวนประวัติศาสตร์ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ สงขลา โดยมี ศ.กิตติคุณ ดร.วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี และประธานมูลนิธิสวนประวัติศาสตร์ฯ เป็นประธานฝ่ายฆราวาส
พิธีบรรจุอัฐิ โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานฯ
เมื่อเสร็จพิธี นายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปยังโรงพยาบาลสงขลานครินทร์เพื่อเป็นประธานในพิธีบวงสรวงวางศิลาฤกษ์ “อาคารเกิดมาต้องตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน” และพิธีเปิดศูนย์ผ่าตัดหัวใจ 99 ปี รัฐบุรุษ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ซึ่งเป็นโครงการที่สืบเนื่องจากโครงการ “99 ปี ล้านความดี เพื่อรัฐบุรุษ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์”
โดยกำหนดพื้นที่ก่อสร้างไว้บริเวณด้านหน้าอาคารศรีเวชวัฒน์ เพื่อใช้เป็นศูนย์รับบริจาคอวัยวะ 99 ปี รัฐบุรุษ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ซึ่งทำหน้าที่เป็นศูนย์รับแจ้งความจำนงในการบริจาคอวัยวะจากผู้มีจิตกุศล ตั้งแต่เมื่อยังมีชีวิตอยู่ เป็นศูนย์กลางรับลงทะเบียนผู้ป่วยที่รอรับการบริจาคอวัยวะรวมถึงเป็นศูนย์ข้อมูลบริการข่าวสาร และการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการบริจาคอวัยวะแก่แพทย์ และสาธารณชนโดยทั่วไป
นอกจากนี้ยังมีการจัดพื้นที่เป็นหอเกียรติยศ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ (Hall of Fame) ในการจารึกเกียรติประวัติ คุณงามความดี และการเสียสละเพื่อประเทศชาติของท่านไว้ให้คนรุ่นหลังได้ศึกษาต่อไป
เปิดประวัติ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์
พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ เกิดเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2463 ที่ตำบลบ่อยาง อ.เมือง จ.สงขลา เป็นบุตรของรองอำมาตย์โทหลวงวินิจทัณฑกรรม (บึ้ง ติณสูลานนท์) และนางวินิจทัณฑกรรม (ออด ติณสูลานนท์) เป็นบุตรคนที่ 6 ในจำนวนพี่น้อง 8 คน
พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ เข้ารับการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 เมื่อปี พ.ศ. 2469 ที่โรงเรียนมหาวชิราวุธ จังหวัดสงขลา หมายเลขประจำตัว 167 สำเร็จชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 เมื่อปี พ.ศ.2478 เข้าศึกษาต่อชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 7 - 8 แผนกวิทยาศาสตร์ ที่โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย หมายเลขประจำตัว 7587
พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ผ่านการสอบคัดเลือกเข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา ณ โรงเรียนเท็ฆนิคทหารบก (ปัจจุบัน คือ โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า) เมื่อปี พ.ศ.2481 โดยเข้ารับการศึกษาเป็นรุ่นที่ 5 มีเพื่อนร่วมรุ่น 55 นาย สำเร็จการศึกษาเมื่อปี พ.ศ.2484 ใช้เวลาเพียง 3 ปี ไม่ครบ 5 ปี ตามหลักสูตร เนื่องจากเกิดกรณีพิพาทระหว่างรัฐบาลไทยกับฝรั่งเศสขึ้น จึงจำเป็นต้องให้นักเรียนนายร้อยออกรับราชการก่อนกำหนด
พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ เริ่มรับราชการเป็นผู้บังคับหมวด ประจำกรมรถรบ เมื่อวันที่ 3 มกราคม 2484 ปฏิบัติหน้าที่ ณ สมรภูมิรบปอยเปต ประเทศเขมร ในกรณีพิพาทในอินโดจีนระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลฝรั่งเศส และได้รับแต่งตั้งให้เป็นว่าที่ร้อยตรี (รับกระบี่ในสนามรบ) เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2484
พ.ศ. 2485-2488 เกิดสงครามมหาเอเชียบูรพา จึงได้รับคำสั่งให้ไปประจำการเป็นกองหนุนของกองทัพพายัพ จังหวัดลำปาง ต่อมากองทัพเคลื่อนย้ายไปอยู่เชียงราย และได้รับคำสั่งให้ไปขึ้นอยู่กับกองพล.3 ที่เชียงตุง จนได้เลื่อนยศเป็น ร้อยเอก และเป็นผู้บังคับกองร้อยที่ลพบุรี
พ.ศ. 2489-2492 เป็นผู้บังคับกองร้อยที่ 2 กองพันที่ 1 กรมรถรบ ได้เข้าศึกษาเป็นนายทหารฝึกหัดราชการ โรงเรียนนายทหารม้า เมื่อจบการศึกษาได้กลับมารับตำแหน่งผู้บังคับกองร้อยเดิม และรักษาราชการผู้บังคับกองพันที่ 1 กรมรถรบ
1 กรกฎาคม 2492 ได้รับพระราชทานยศ "พันตรี"
พ.ศ. 2493 เป็นผู้บังคับกองร้อยที่ 3 กองพันทหารม้าที่ 4 จังหวัดอุตรดิตถ์ รองผู้บังคับกองพันทหารม้าที่ 4 และรองผู้บังคับการจังหวัดทหารบกอุตรดิตถ์อีกตำแหน่งหนึ่ง
พ.ศ. 2495 ได้รับทุนจากกองทัพบกโดยการสอบแข่งขันได้ไปศึกษาต่อที่ The United States Army Armor School รัฐเคนตักกี้ ประเทศสหรัฐอเมริกา สำเร็จการศึกษาเมื่อต้นปี พ.ศ. 2497 กลับมารับราชการเป็นอาจารย์ในแผนกวิชายุทธวิธี กองการศึกษา โรงเรียนยานเกราะ กองพลน้อยทหารม้า (กรุงเทพฯ)
30 มกราคม 2497 ได้รับพระราชทานยศ "พันโท"
พ.ศ. 2497-2498 เป็นผู้บังคับกองพันทหารม้าที่ 5 กรมทหารม้าที่ 2 และเป็นอาจารย์หัวหน้าแผนกวิชาทหาร กองการศึกษา โรงเรียนยานเกราะ
1 มกราคม 2499 ได้รับพระราชทานยศ "พันเอก"
พ.ศ. 2501 เป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการโรงเรียนทหารม้ายานเกราะ ศูนย์การทหารม้า จังหวัดสระบุรี เป็นรองผู้บัญชาการโรงเรียนทหารม้ายานเกราะ ศูนย์การทหารม้า
พ.ศ. 2506 เป็นรองผู้บัญชาการโรงเรียนทหารม้า ศูนย์การทหารม้า และเป็นรองผู้บังคับการจังหวัดทหารบก สระบุรี
พ.ศ. 2509-2510 เข้าศึกษาในวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักรรุ่นที่ 9 (ยศพันเอก) เดินทางไปดูงานที่ประเทศญี่ปุ่น และเกาหลี
1 ตุลาคม 2511 ได้รับพระราชทานยศ "พลตรี" และให้ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการศูนย์การทหารม้า และ ผู้บังคับการจังหวัดทหารบกสระบุรี
พ.ศ. 2512 เป็นองครักษ์เวร เป็นนายทหารพิเศษประจำกรมทหารม้าที่ 1 รักษาพระองค์
1 ตุลาคม 2516 เป็นรองแม่ทัพภาคที่ 2 จังหวัดสกลนคร
1 ตุลาคม 2517 ได้รับพระราชทานยศ "พลโท" และดำรงตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 2
พ.ศ. 2518 เป็นราชองครักษ์พิเศษ
1 ตุลาคม 2520 ได้รับพระราชทานยศ "พลเอก" และดำรงตำแหน่งผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก และปฏิบัติหน้าที่รองผู้อำนวยการป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ทั่วไปฝ่ายทหาร
พ.ศ. 2521 เป็นผู้บัญชาการทหารบก จนเกษียณอายุราชการ เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2523 และคณะรัฐมนตรีได้มีมติต่ออายุราชการอีก 1 ปี
26 สิงหาคม 2524 พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ได้อำลาการรับราชการทหาร
วันที่ 3 มีนาคม 2523 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี นับเป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 16 ของประเทศไทย
แต่ก่อนได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ เริ่มรับราชการทางการเมืองโดยได้รับการแต่งตั้งให้เป็นวุฒิสมาชิก เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2511
เป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2515
เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน2520
และ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เมื่อวันที่ 22พฤษภาคม 2522
พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่ 3 มีนาคม 2523 จนถึงวันที่ 4 สิงหาคม 2531 รวมทั้งสิ้น 3 ครั้ง มีคณะรัฐมนตรีทั้งหมด 5 ชุด รวมเวลาทั้งสิ้น 8 ปี 5 เดือน
หลังจากการปฏิเสธการรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไป พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งองคมนตรี เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2531
ต่อมาเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2531 ทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ประกาศยกย่อง พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ไว้ในฐานะรัฐบุรุษ และเมื่อวันที่ 4 กันยายน 2541 จึงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เป็นประธานองคมนตรีในสมัยรัชกาลที่ 9 จนถึงวันที่ 13 ตุลาคม 2559
จากนั้นดำรงตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ตั้งแต่วันที่ 13 ตุลาคม - 1 ธันวาคม 2559 และดำรงตำแหน่งประธานองคมนตรี ในสมัยรัชกาลที่ 10 ตั้งแต่วันที่ 2 ธันวาคม 2559
พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ถึงแก่อสัญกรรม เมื่อวันอาทิตย์ที่ 26 พฤษภาคม 2562 เวลา 9 นาฬิกา 9 นาที สิริอายุ 99 ปี
**ขอบคุณภาพประกอบจากสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสงขลา