สุวัจน์ขอให้รัฐบาลทำงานโฟกัสปัญหาปากท้อง-ของแพงในช่วงเวลาที่เหลืออยู่

26 ส.ค. 2565 | 14:18 น.
อัปเดตล่าสุด :26 ส.ค. 2565 | 21:31 น.

“สุวัจน์ ลิปตพัลลภ”ขอให้รัฐบาลทำงานเต็มที่ โฟกัสเรื่องปากท้องประชาชน และของแพง ในช่วงระยะเวลาที่เหลืออยู่ เร่งสร้างความเข้าใจถึงสถานะการณ์ภายในของเรากับต่างประเทศ เพื่อผลสำเร็จของการประชุมเอเปคและความมั่นใจของนักลงทุน 

วันที่ 26 สิงหาคม 2565 ที่ลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนา แกนนำพรรคชาติพัฒนา อดีตรองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความร้อนแรงทางการเมืองกับกรณีนายกฯ 8 ปี หยุดปฏิบัติหน้าที่ว่า ตนคิดว่าทุกอย่างเป็นไปตามรัฐธรรมนูญและเป็นคำวินิจฉัยของศาล 

 

ในเมื่อขณะนี้ศาลได้วินิจฉัยในเบื้องต้นเหมือนกับว่า มีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ฉะนั้น รัฐบาลก็ยังเป็นรัฐบาลเดิมอยู่ และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ท่านนายกรัฐมนตรีก็ยังเป็นนายกรัฐมนตรีอยู่ เพียงแต่ว่าต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งศาล 

“ผมคิดว่าความต่อเนื่องในการบริหารประเทศ ก็ยังมีความต่อเนื่องยังไม่ได้เปลี่ยนรัฐบาลยังเป็นรัฐบาลเดิม เป็น ครม.เดิม เพียงแต่นายกรัฐมนตรียังอยู่แต่ไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ เพราะคำสั่งศาล ฉะนั้นก็ต้องมีท่านหนึ่งท่านใดรองนายกรัฐมนตรี อันดับ 1 ขึ้นมารักษาการก็คือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” 

 

นายสุวัจน์ กล่าวว่า ตนคิดว่าความต่อเนื่องในการทำงานก็คงทำกันต่อไป เพียงแต่ว่าในช่วงนี้เราก็คงจะเห็นปฏิทินอยู่แล้วว่า เราก็มี 3-4 เรื่องที่รอเราอยู่จนถึงวันเลือกตั้ง ตนคิดว่าเรื่องที่จะต้องดูแลกันถึงแม้ว่าจะเป็นรัฐบาล ที่นายกรัฐมนตรีไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ ก็คงต้องทำต่อเนื่องกันไปก็คือ เรื่องของการต่อสู้ในเรื่องของแพง สินค้าราคาแพง ก็อยากให้รักษาการนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีได้ช่วยดูแลพี่น้องประชาชนอย่างต่อเนื่อง 

และตอนนี้ก็เป็นห่วงเรื่องโลกร้อนที่เริ่มมีผลกระทบกับเรื่องน้ำท่วม ภัยแล้งต่างๆ ซึ่งจะกระทบหลายๆ เรื่อง และที่สำคัญเรื่องที่เราจะต้องเป็นเจ้าภาพการประชุมเอเปคจะต้องเตรียมการณ์อย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นโอกาสที่ดีของประเทศไทยในการที่จะใช้โอกาสหรือเวทีในการเป็นเจ้าภาพเอเปค เพื่อนำไปสู่ความเชื่อมั่น และพื้นฐานใหม่ๆ ทางด้านเศรษฐกิจกับประเทศและการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจในปัจจุบัน ตนว่าถ้าหมด 3 เรื่องนี้แล้วหลังประชุมเอเปคแล้วก็นับถอยหลังสู่วันเลือกตั้งหรือสู่โหมดการเลือกตั้ง


ฉะนั้น คิดว่าวันนี้ในเรื่องของการบริหารราชการแผ่นดินต่างๆ ก็คงไม่ได้มีผลกระทบอะไร ก็คงจะต้องรอศาลที่จะมีคำวินิจฉัยในเรื่อง 8 ปีอีกครั้งหนึ่ง 


ส่วนที่มีกระแสข่าวช่วงรอคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญจะเป็นนายกรัฐมนตรีคนนอกได้หรือไม่นั้น ตนคิดว่าอันนี้รัฐบาลยังอยู่ คณะรัฐมนตรียังอยู่ นายกรัฐมนตรีก็ยังอยู่ เพียงแต่ว่าศาลบอกให้ท่านนายกรัฐมนตรีหยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าจะมีคำวินิจฉัยเท่านั้นเอง

 

ฉะนั้นคิดว่าไม่น่าจะมีสูญญากาศหรือไม่น่ามีปัญหาอะไร และ ครม.ชุดเก่าก็ทำงานอย่างต่อเนื่องมาแล้ว หรือผู้รักษาการนายกรัฐมนตรีท่านก็อยู่ใน ครม.มาตลอด 7-8 ปีอยู่แล้ว ฉะนั้น ความต่อเนื่องในการทำงานไม่น่าจะมีผลกระทบอะไรเลย ก็เป็นเรื่องปกติก็เพียงแต่ว่ารอฟังว่า คำตัดสินหรือคำวินิจฉัยที่สุดจากศาลจะออกมาเมื่อไหร่ อันนั้นก็เป็นอีกสถานการณ์หนึ่ง


ส่วนความเชื่อมั่นที่จะส่งผลกระทบนั้น ตนคิดว่าต้องทำความเข้าใจชัดเจนอย่างกรณีที่ตนห่วงในประเทศ เราทุกคนเข้าใจ ทุกคนก็อยากเห็นว่าช่วยกันทำงานอย่างต่อเนื่อง อย่างวันนี้ไฟฟ้าก็ขึ้น มาตรการในการที่จะดูแลก็ยังไม่ชัดเจนว่าจะดูแลกันอย่างไร ดอกเบี้ยก็ขึ้น บรรดาพวก SME เขาก็เดือดร้อนเศรษฐกิจก็ไม่ดีอยู่แล้วก็มีต้นทุนดอกเบี้ยขึ้นมาเป็นต้น หรือปัญหาน้ำท่วม คือปัญหาอะไรภายในประเทศตนว่าเราเข้าใจ 


แต่ว่าสิ่งหนึ่งที่เราควรจะทำความเข้าใจให้ชัดเจนก็คือ นอกประเทศ พวกนักลงทุนต่างๆ ให้เขาเข้าใจว่า รัฐบาลยังอยู่ เพียงแต่นายกรัฐมนตรีหยุดปฏิบัติหน้าที่รอฟังคำสั่งศาล แต่รัฐบาลยังอยู่ ยังทำงานอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะที่สำคัญที่สุดก็คือตอนที่เราจะเป็นเจ้าภาพเอเปค 


ฉะนั้นตนคิดว่าต้องพยายามที่จะทำความเข้าใจและชี้แจงให้กับประเทศต่างๆ ที่เขาจะมาร่วมประชุมเอเปคได้เข้าใจถึงสถานการณ์ของประเทศว่า รัฐบาลยังอยู่ นายกรัฐมนตรียังอยู่ เพียงแต่หยุดปฏิบัติหน้าที่ในช่วงหนึ่งจนกว่าศาลจะวินิจฉัยเพื่อให้ต่างประเทศเข้าใจ และก็มั่นใจว่ามาประชุมและประเทศชาติของเรายังปลอดภัย อันนั้นเป็นเรื่องต่างประเทศ เป็นเรื่องที่กระทรวงต่างประเทศก็คงจะต้องไปดูแลในการทำความเข้าใจในส่วนอะไรที่เกี่ยวกับนอกประเทศ 


“ความมั่นใจของนักลงทุนหรือนักท่องเที่ยวต่างๆ โดยเฉพาะบริบทของการเป็นเจ้าภาพเอเปค ถือว่าเป็นหัวใจสำคัญเป็นโอกาสทองของประเทศไทย ยิ่งถ้าเกิดเราสร้างความมั่นใจได้แล้ว ผู้นำของแต่ละประเทศมากันมากๆ อันนี้จะส่งเสริมภาพลักษณ์ของประเทศให้เด่น สง่างาม เป็นภาพลักษณ์ที่ดีที่จะนำไปสู่ความเชื่อมั่นทางด้านเศรษฐกิจการลงทุน การท่องเที่ยว”


เอเปคเป็นเรื่องที่สำคัญ การที่จะให้เขาทราบข้อเท็จจริง ชี้แจง ทำความเข้าใจแล้วทุกคนสบายใจแล้วก็ยังมาร่วมประชุมกันเหมือนเดิม ตนว่าอันนี้เป็นบริบทที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนอกประเทศ แต่เรื่องภายในประเทศตนคิดว่าพี่น้องประชาชนก็เข้าใจสถานการณ์และทุกคนก็ให้ความร่วมมือกับสิ่งที่ศาลสั่งอยู่แล้ว 

                                   สุวัจน์ขอให้รัฐบาลทำงานโฟกัสปัญหาปากท้อง-ของแพงในช่วงเวลาที่เหลืออยู่

เมื่อถามว่าวิเคราะห์ว่ารัฐบาลจะไปต่อ หรืออยู่จนครบเทอมหรือไม่ นายสุวัจน์ กล่าวว่า วันนี้เรื่องครบเทอม หรือ ไม่ครบเทอม คงจะเป็นไปตามกฎเกณฑ์ เป็นไปตามอายุขัย เป็นไปตามสภาพการเมือง แต่ไม่ใช่เป็นเรื่องหลักอะไรแล้ว และวันนี้บ้านเมืองก็เหลือเวลา 6-7 เดือน เรามี 4 ปีเรามาตั้ง 3 ปีครึ่งแล้วมากกว่า 80% แล้ว


 และเรื่องหลักๆ ก็ผ่านไปหมดแล้ว เช่น กฎหมายงบประมาณก็ผ่านไปแล้ว ก็ไม่ได้มีประเด็น กฎหมายพรรคการเมือง กฎหมายเลือกตั้งก็ผ่านไปแล้ว ฉะนั้นประเด็นอะไรต่างๆในสภาฯที่คั่งค้างก็ไม่ได้มีประเด็นอะไรมาก ฉะนั้นจะครบเทอมหรือไม่ครบเทอมในที่สุดก็ต้องเลือกตั้งภายใน 6-7 เดือนข้างหน้า

 

แต่สำคัญที่สุดก็คือ การใช้เวลาที่เหลือนี้ ซึ่งไม่รู้เท่าไหร่ อาจจะอยู่ 6-7 เดือน หรืออาจจะ 5 เดือนก็ได้ อาจจะหลังเอเปคก็ได้ ใช้เวลาที่เหลือนี้ลงไปดูแลไปใกล้ชิดไปแก้ไขให้กับพี่น้องประชาชนจริงๆ เพราะผลกระทบต่างๆและมีผลกระทบมากๆ กับพี่น้องประชาชน หรือ ผู้ประกอบการเขารอการช่วยเหลือจริงๆ 


“ผมคิดว่าอันนี้ถึงแม้ว่าท่านนายกรัฐมนตรีจะหยุดปฏิบัติหน้าที่ แต่ ครม.ที่มีความต่อเนื่องในการทำงาน อยากจะให้ทุกคนได้ใช้โอกาสนี้ทำงานกันอย่างเต็มที่ในการเข้าไปแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชน ส่วนเลือกตั้งเมื่อไหร่เป็นเรื่องสถานการณ์ทางการเมือง ซึ่งก็ไม่ได้มีผลกระทบอะไรแล้ว เพราะว่าเราผ่านมากว่า 80% แล้ว และเรื่องหลักๆในสภาก็ผ่านไปแล้ว”


ผู้สื่อข่าวถามถึงผู้ว่าราชการคนใหม่ที่มาจาก จ.อุดรธานี ฉายาผู้ว่าอายุน้อยที่สุดมาอยู่จังหวัดใหญ่ จ.นครราชสีมานั้น นายสุวัจน์ กล่าวว่า ตนไม่รู้จักท่านเป็นการส่วนตัว แต่ว่าเท่าที่ดูประวัติเหมือนกับเป็นข้าราชการรุ่นใหม่ อายุน้อย คนหนุ่ม ก็เหมาะกับสถานการณ์ของประเทศ สถานการณ์วันนี้ที่ต้องการความคล่องตัว การดูแลการแก้ไขปัญหาอย่างใกล้ชิด ทุ่มเทการทำงาน ท่านก็เหมาะ อายุ 48 ปีเคยอยู่ในภาคอีสานอยู่แล้ว ฉะนั้น เข้าใจพื้นฐาน ตนก็คิดว่าเหมาะสม เป็นกำลังใจให้ประสบความสำเร็จ ช่วยมาสร้างความเจริญให้กับจ.นครราชสีมา 

 

“อยากให้มาช่วยดูแลปัญหาเศรษฐกิจ และสร้างเมืองโคราชให้เป็นเมือลงทุน เมืองท่องเที่ยว และช่วยกันเร่งรัดโครงสร้างพื้นฐานต่างๆให้รวดเร็วขึ้น เพื่อจะได้เป็นแรงจูงใจให้กับนักลงทุน นักท่องเที่ยว อย่างตอนนี้คนโคราชลุ้นกันว่าเมื่อไหร่รถไฟความเร็วสูงจะเสร็จ เมื่อไหร่มอเตอร์เวย์กรุงเทพ-โคราชจะเปิด

 

ฉะนั้น ถ้าได้ช่วยกันเร่งรัด ผลักดันโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ เพื่อจะได้นำไปสู่การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ การลงทุน การท่องเที่ยว ชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน และอีกเรื่องที่สำคัญเราต้องช่วยดูแลโคราชน้ำต้องไม่ท่วม ตนคิดว่าผู้ว่าฯได้รับแต่งตั้งจาก ครม. และอายุยังน้อยก็เชื่อมั่นท่านน่าจะประสบความสำเร็จในการทำงาน ขอเป็นกำลังใจให้” นายสุวัจน์ กล่าว