จากกรณีปัญหาความขัดแย้งระหว่าง นายสมชาย โล่สถาพรพิพิธ อดีตส.ส.ตรัง เขต 3 พรรคปชป. พ่อของ น.ส.สุณัฐชา โล่สถาพรพิพิธ ส.ส.ตรัง เขต 3 ปชป. และเป็นกรรมการบริหารพรรค ปชป. กับนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.เขต 2 พรรค ปชป. เช่นกัน โดยนายสมชายประกาศต่อสาธารณชนอย่างเปิดเผย ว่าจะล้มนายสาทิตย์ในการเลือกตั้งครั้งหน้านี้ให้ได้
ต่อมามีการจัดตั้งกลุ่ม"คนไม่เอาสาทิตย์"กระจายเป็นรายตำบลในเขตเลือกตั้งที่ 2 ของจังหวัดตรัง ขณะเดียวกันก็มีการจัดงาน"กลุ่มคนรักทวี"ขึ้น ซึ่งชัดเจนว่าเป็นฐานเสียงของนายทวี สุระบาล นักการเมืองเก่าแก่อีกคนของตรัง ที่ปัจจุบันนั่งเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรี และได้รับการวางตัวเป็นว่าที่ผู้สมัครส.ส.ตรัง เขต 2 ของพรรคพลังประชารัฐ ไม่แคล้วถูกมองว่าเป็นการจับมือกันกับนายสมชาย ที่เป็นเพื่อนนักการเมืองตรังด้วยกันมายาวนาน
โดยเขตเลือกตั้งที่ 2 จังหวัดตรัง ประกอบด้วยพื้นที่อำเภอห้วยยอด อำเภอรัษฎา อำเภอวังวิเศษบางส่วน รวมถึงสนับสนุนการจัดงานกลุ่ม “คนรักทวี” และ กลุ่ม“คนไม่เอาสาทิตย์” รายตำบลในเขตเลือกตั้งที่ 2
ขณะที่เขตเลือกตั้งใหม่ที่ 4 ที่ตรังได้เลือกส.ส.เพิ่มอีก 1 เขตในการเลือกตั้งครั้งหน้า ก็มีเหตุไม่ลงตัว เมื่อนายสมชายและน.ส.สุณัฐชา ลูกสาว ชิงประกาศหนุนนายกาญจน์ ตั้งปอง สท.เมืองกันตัง ให้เป็นผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งในเขต 4 เนื่องจากการพื้นที่เขต 3 เดิม ที่น.ส.สุณัฐชาชนะเลือกตั้งได้เป็นส.ส. บางส่วนถูกขีดเส้นแบ่งใหม่ให้เป็นเขต 4 ตามเดิม
เขต 4 ตรังนั้นเดิมเป็นพื้นที่ของนายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล อดีตส.ส.ประชาธิปัตย์หลายสมัย เมื่อเหลือเพียง 3 เขต นายสมบูรณ์จึงไม่ได้ลงสมัครรับเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา หลังเลือกตั้งได้รับแต่งตั้งเป็นเลขานุการนายชวน หลีกภัย ประธานสภา เมื่อกลับมามี 4 เขตเลือกตั้ง นายสมชายตีกันว่านายสมบูรณ์จะเป็นหลุมดำของพรรค ที่อาจจะเสียเก้าอี้ จึงต้องออกมาเคลื่อนไหวสนับสนุนคนรุ่นใหม่ ที่น่าจะมีโอกาสชนะมากกว่า ด้านนายสมบูรณ์ก็อ้างนายชวน ว่าสนับสนุนตนลงรักษาพื้นที่ในเขต 4 เช่นกัน จน"นายกฯชาย" นายเดชอิศม์ ขาวทอง หรือ ส.ส.สงขลา พรรคปชป. ในฐานะรองหัวหน้าพรรค ดูแลพื้นที่ภาคใต้ ต้องออกมาหย่าศึกความขัดแย้งในตรังก่อนลุกลาม
อย่างไรก็ตาม มีการกล่าวอ้างว่า ผู้บริหารพรรคจะแก้ปัญหาความไม่ลงตัว การวางตัวแทนของพรรคลงรับเลือกตั้งที่เกิดขึ้นว่า จะใช้การทำโพลสำรวจคะแนนนิยมว่าที่ผู้สมัครว่าจะเป็นใคร โดยเตรียมจะดำเนินการในวันที่ 10 ส.ค.ที่ผ่านมา เรื่องนี้ต่อมานายชวนให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อ ว่าไม่ทราบเรื่องการทำโพลของนายเดชอิศม์ ตามที่มีเสนอข่าวไปแล้วแต่อย่างไร ขณะเดียวกันได้เดินทางไปเป็นประธานเวทีพบปะประชาชนในเขต 4 ให้นายสมบูรณ์ด้วย
ความอึมครึมการวางตัวผู้สมัครส.ส.ตรังของพรรคปชป.นั้น ล่าสุดเมื่อปลายเดือนส.ค.ที่่ผ่านมา ที่ปากเมง รีสอร์ท อ.สิเกา จ.ตรัง นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย จัดสัมมนาทีมสมาชิกพรรคปชป. หัวคะแนน ตลอดจนผู้สนับสนุนกว่า 500 คน พร้อมเชิญแกนนำสำคัญของพรรคปชป. ร่วมปราศรัยกับมวลชนผ่านระบบ Zoom อาทิ นายเดชอิศม์ ขาวทอง หรือ “นายกฯชาย” ส.ส.สงขลา พรรคปชป. ในฐานะรองหัวหน้าพรรคดูแลภาคใต้ นายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราช ในฐานะรองเลขาธิการพรรค นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช และ น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล ส.ส.นครศรีธรรมราช โดยมีนายสาธร วงศ์หนองเตย อดีตผู้สมัครนายกฯอบจ.ตรัง น้องชายนายสาทิตย์ช่วยจัดกิจกรรม บรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคัก
ทั้งนี้ ที่ตั้งของรีสอร์ทอยู่ริมหาดปากเมง ซึ่งเดิมเป็นพื้นที่เขต 2 ของนายสาทิตย์ แต่ในการเลือกตั้งครั้งที่จะมาถึง พื้นที่นี้ได้ถูกนำไปรวมเป็นพื้นที่เขตเลือกตั้งที่ 4 ซึ่งยังคงมีความขัดแย้งกันเรื่องการส่งผู้ลงสมัคร ระหว่างนายสมชายที่สนับสนุนนายกาญจน์ ตั้งปอง สท.เมืองกันตัง กับนายสาทิตย์ ที่สนับสนุนนายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล อดีตส.ส.ตรังเขต 4 หลายสมัย ปัจจุบันนั่งตำแหน่งเลขานุการประธานสภาฯ
ระหว่างการสัมมนา ได้มีรถแห่แนะนำตัวนายกาญจน์ ติดเครื่องเสียงขับผ่านหน้ารีสอร์ทเปิดเครื่องเสียงดังสนั่นวนไปวนมาหลายรอบ ทำให้ผู้ร่วมสัมนาจำนวนมากไม่พอใจ แต่ก็ไม่ได้เกิดเหตุการณ์ความวุ่นวายแต่อย่างใด โดยนายกาญจน์ เป็นบุตรชายนายวิสิษฐ์ ตั้งปอง อดีตนายอำเภอหลายพื้นที่ในจ.ตรัง และเกษียณอายุราชการที่อ.ย่านตาขาว เขตเลือกตั้งที่ 3 ซึ่งถือเป็นพื้นที่มั่นของตระกูลโล่สถาพรพิพิธ
นายสาทิตย์ กล่าวถึงการจัดเวทีสัมมนาสมาชิกพรรค ว่า เป็นงานนัดรวมทีมแกนนำที่ให้การสนับสนุนตน และสนับสนุนพรรคปชป. เรียกชื่อ “ทีมเราไม่ทิ้งกัน” เพื่อให้สมาชิกรับรู้ทิศทางการเคลื่อนไหวของ ส.ส. กับพรรคในการเลือกตั้งครั้งหน้า ว่าจะเคลื่อนไปในทิศทางไหน เป็นการซักซ้อมว่าการเลือกตั้งครั้งหน้า ที่ประเมินว่าจะมีการแข่งขันที่เข้มข้นมาก จำเป็นที่ต้องมีทีมงานที่เข้มแข็ง ตอนนี้ตนมีแกนนำทั้งระดับตำบล ระดับหมู่บ้าน โดยเป้าหมายจะสร้างแกนนำให้ได้ถึง 2,000 คน ครอบคลุมทุกพื้นที่
"ส่วนปัญหาความขัดแย้งที่นายเดชอิศม์ต้องเข้ามาแก้ไขในพื้นที่จ.ตรัง ในเขต 2 และ 4 นั้น ไม่แน่ใจว่ารองหัวหน้าพรรคปชป.ภาคใต้ ได้พูดคุยอย่างไรไปบ้าง แต่รู้สึกว่าการเคลื่อนไหวต่อต้านตนหายไปแล้ว ไม่มีการจัดเวที ก็น่าจะมีการพูดคุยกันแล้ว แต่ไม่รู้ในอนาคตจะปะทุขึ้นอีกไหม ผมเล่นแบบป้องกันพื้นที่ของเราเอง เป็น ส.ส.มาแล้ว 7 สมัย หากเราสามารถป้องกันเขตนี้ไว้ได้ การเลือกตั้งครั้งหน้าไม่น่าจะมีปัญหา
ผมก็หนักใจ เพราะเจอทั้งศึกนอกศึกใน ลำพังสู้กับคนนอกพรรคก็เหนื่อยอยู่แล้ว เพราะต้องยอมรับว่ากระแสพรรคปชป.ไม่ดี โดยเฉพาะในภาคใต้ ส.ส.ในสภายังพูดกันว่าภาคอื่นไม่การเคลื่อนไหวทางการเมือง แต่ภาคใต้เคลื่อนไหวกันคึกคักที่สุด ทั้งภูมิใจไทย พลังประชารัฐ และพรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งล้วนแต่มีเป้าหมายที่ภาคใต้ พรรคปชป.ในฐานะแชมป์เก่าเราก็หนักใจอยู่แล้ว แต่หากมีศึกในเพิ่มขึ้นอีกก็ยิ่งหนักใจเพิ่มขึ้น สิ่งเหล่านี้เราต้องแชร์ให้ผู้สนับสนุนให้แกนนำเรารับทราบด้วย และเราต้องหาทางคลี่คลายความหนักใจนั้น”นายสาทิตย์กล่าว
ส่วนปัญหาความไม่ลงตัว ในการคัดสรรว่าที่ผู้สมัครของพรรคปชป. ในพื้นที่หลายจังหวัดฝั่งอันดามัน อาทิ ตรัง กระบี่ พังงา ที่คนในมาชิงกันเอง นายสาทิตย์กล่าวว่า กระบวนการบริหารจัดการภายในพรรคเป็นเรื่องใหญ่มาก ตนได้พูดในที่ประชุมหลายครั้ง ว่าภาคใต้เป็นฐานที่มั่นหลัก ที่มั่นสุดท้ายของพรรคปชป. ฉะนั้นเราซึ่งครองที่ 1 ในภาคใต้มายาวนานนับ 20 สมัย เที่ยวหน้าเราจะวางกลยุทธ หรือทิศทางการเคลื่อนไหวอย่างไร ให้ดำรงความเป็นแชมป์อยู่ได้
สิ่งที่ต้องเกิดขึ้นคือระบบการจัดการภายในพรรคต้องชัดเจน โปรงใส่ เป็นธรรม ไม่ถือพรรคถือพวก พรรคปชป.เป็นสถาบัน มีกฎเกณฑ์ ระเบียบ และธรรมเนียมปฏิบัติ ที่ยึดถือมาโดยตลอด ซึ่งต้องยึดสิ่งนั้น เช่น กรณีการเลือกตัวผู้สมัครในแต่ละเขตเลือกตั้ง ที่ถ้าเขตใดมีอดีตส.ส.ที่ไม่เคยทำเรื่องเสียหาย อย่างเช่นเขต 4 ตรัง ไม่ใช่ใครคนหนึ่งคิดมาเองว่าอยากเอาคนนั้นคนนี้มาแข่งกับอดีตส.ส. ถ้าอดีต ส.ส.ไม่ได้ทำอะไรเสียหาย โดยธรรมเนียมพรรคที่ปฎิบัติมา จะเห็นว่านายชวน หลีกภัย ก็ส่งสัญญาณชัดเจน และผู้ใหญ่ในพรรคหลายคนก็ส่งสัญญาณออกมาชัดเจน ต้องรอดูว่ากระบวนธรรมเนียมปฏิบัติจะกลับสู่ร่องสู่รอยเมื่อไหร่
“ส่วนการทำโพลใช้ได้ในกรณีที่ผู้สมัครเป็นคนใหม่ด้วยกัน และตัดสินไม่ได้ว่าจะส่งใคร ธรรมเนียมก็ต้องทำโพล ซึ่งต้องเป็นโพลที่เชื่อถือได้ แต่ไม่เคยมีครั้งไหน ที่อดีตส.ส.ต้องทำโพลแข่งกับคนที่ไม่เคยทำกิจกรรมของพรรคมาก่อนเลย ไม่เคยเกิดขึ้น ถ้าจะเกิดขึ้นในครั้งนี้ก็คงตอบยาก"
นายสาทิตย์กล่าวย้ำว่า แต่ละคนอาจมีความเห็นแตกต่างกันไปได้ แต่ท้ายสุดต้องจบที่ประบวนการภายในพรรค แต่กระบวนการไม่ใช่ว่าเลือกตั้งครั้งหนึ่งเปลี่ยนครั้งหนึ่ง ต้องมีหลักเกณฑ์ที่ชัดเจน ที่ไม่เปลี่ยนตามใจคน หรือเปลี่ยนตามอำนาจของคนในพรรค ไม่ว่าจะเป็นยุคของนายชวน ยุคนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยุคนายบัญญัติ บรรทัดฐาน หรือ แม้แต่ยุคของนาย ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช ก็มีแนวปฏิบัติแบบนี้มา ที่ทำให้พรรคเติบโตเป็นที่ยอมรับมาทุกวันนี้
ในที่ประชุมพรรคผมเสนอต่อนายเดชอิศม์ ว่าต้องเปิดให้แสดงความจำนงก่อน แล้วต้องให้กับคนที่เป็นอดีตส.ส.ที่ไม่เคยทำอะไรเสียหายก่อน แต่หากเป็นคนใหม่ทั้งคู่ก็ต้องหากระบวนการตกลงกัน หากตกลงกันไม่ได้ ก็ต้องหากระบวนการ และต้องจบที่ทำโพล”นายสาทิตย์ระบุ
นายสาทิตย์กล่าวต่อว่า เขต 4 ตรัง เดิมทีจะทำโพลในวันที่ 10 ส.ค. แต่ตอนนี้มันเลยมาแล้ว แต่ด้วยเหตุใดก็ตาม แต่อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นได้ เพราะดูนายชวนได้ส่งสัญญาณมาแล้ว ก็ทำให้หลายคนต้องกลับไปคิดใหม่ นายนิพนธ์ บุญญามณี ในฐานะรองหัวหน้าพรรค ได้ไปคุยกับนายชวน นายชวนก็ได้ย้ำว่าท่านไม่ทราบเรื่องทำโพล ฉะนั้นคำว่าท่านไม่ทราบ ก็อาจเป็นสัญญาณอย่างหนึ่งว่าทำไปทำไมหรือเปล่า ก็อยู่ที่กรรมการบริหารพรรคชุดปัจจุบัน ตนทราบจากนายสมบูรณ์อีกว่า ในวันเปิดตัวที่จ.สงขลา นายจุรินทร์ ก็ชวนนายสมบูรณ์ไปร่วมงานด้วย เที่ยวที่แล้วจาก 4 เขต เหลือ 3 เขต ส.ส.ต้องโดนตัดออกไป 1 จริง ๆ แล้วก็เป็นสิทธิของนายสมบูรณ์ แต่นายสมบูรณ์ก็ลุกขึ้นให้คนอื่นมาลงแทน ถือเป็นการเสียสละ ครั้งนี้ก็ย่อมเป็นสิทธิของนายสมบูรณ์ ตนพูดชัดเจน หากไม่ได้รอบนี้เราจะสูญเสียความเชื่อมั่นกับคน ไม่ใช่เฉพาะคนตรัง ไม่ใช่เฉพาะเขต 4 แต่คนจะบอกว่าประชาธิปัตย์เปลี่ยนไป
ส่วนการที่หัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค ได้ไปประกาศเปิดตัวกลุ่มเลือดใหม่ที่จ.สงขลา นายสาทิตย์กล่าวว่า ถือเป็นการส่งสัญญาณสำคัญว่าเที่ยวนี้ต้องทุบหม้อข้าวแล้ว เหมือนพระเจ้าตากไปตีเมืองจันทบุรี และส่งสัญญาณไปยังผู้สนับสนุนพรรคว่าตอนนี้อยู่ในสถานการณ์ที่ต้องรวมพลังกัน ซึ่งตัวเลขาธิการพรรคถือเป็นกำลังหลักอีกคน เที่ยวนี้หากไม่ได้เลขาฯได้ประกาศไปแล้วว่าจะวางมือ ตรงนี้ก็มีผล ผู้สมัครที่จะลงสมัครครั้งนี้ก็รู้สึกว่าต้องเร่งทำงาน แต่ไม่แน่ใจว่าชาวบ้านฟังแล้วจะเข้าใจตรงกันหรือไม่ ว่าส่งสัญญาภายในมากกว่า หรือ เป็นการส่งสัญญาณว่าเอาจริงแล้ว
ส่วนปัญหาเลือดไหลออกต่อเนื่องตลอด ทุกพรรคมีปัญหานี้ มีการหมุนเปลี่ยนหมุนเวียนกัน แต่ยอมรับว่าอยู่สภานี้มา 27ปี ไม่เคยเห็นการเมืองยุคไหนชุลมุนวุ่นวาย การย้ายพรรคหรือติดต่อย้ายพรรคกันในสภาต่อหน้าต่อตา ถือเป็นจุดเปลี่ยนระบบประชาธิปไตยตัวแทนในประเทศไทย รู้สึกว่าความภักดีต่อแบรนด์มันจางไป เป็นจุดเปลี่ยน คนแสวงหาแนวคิดทางการเมืองที่แตกต่าง เป็นจุดสะท้อนจุดเปลี่ยนการเมืองไทย ต้องดูในผลการเลือกตั้งครั้งหน้าว่าจบอย่างไร คงจะถึงจุดหนึ่งที่มีการหมุนกลับไปสู่การมีขั้วการเมืองที่ชัดเจน
นายสาทิตย์กล่าวว่า ปัญหาเลือดไหลของสถาบันการเมืองอย่างประชาธิปัตย์ การมีปัญหาภายใน บางคนก็คิดว่าเป็นปัญหา จริงๆ ตนมองการเมืองทั้งกระดาน มองระบบของประเทศมากกว่า หากมองการเมืองในต่างประเทศก็ไม่หนีกัน ในสหรัฐอเมริกา จีน ไต้หวัน ซึ่งมาจากปัจจัยภูมิรัฐศาสตร์โลกที่เปลี่ยนไป ทั้งด้านสภาพการเมือง เศรษฐกิจ ที่เปลี่ยนไปด้วย กระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงด้านการเมือง มีการแตกตัวมากขึ้น ผลดีคือทำให้พรรคการเมืองจะต้องผลิตแนวคิดและนโยบายใหม่ ๆ ในการเลือกตั้งครั้งหน้า ผมมองทะลุเรื่องคนย้าย แต่หากมองในแง่พรรคปชป. มันต้องหาถ้อยคำมาปลอบใจตัวเอง แต่ต้องยอมรับว่าช่วงนี้มีคนย้ายเข้า-ออก เยอะ
“ส่วนหลักการ และจิตวิญญาณ พรรคปชป.มีความเป็นอะกาลิโก ไม่ขึ้นอยู่กับเวลา ไม่ขึ้นอยู่กับสมัย พอสมควร ผมพูดได้เลยว่ามีเพื่อนต่างพรรคมาพูดคุยกัน หลายคนมาชวนผมไป ผมได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับทุกคน แต่ตัวผมถือว่านี่คือจุดที่ท้าทายที่สุด ท่านชวนได้ออกมาพูดว่า การเลือกตั้งที่จะมาถึงกระแสเงินจะบุกภาคใต้ ตรงนี้ท้าทายและน่ากลัวที่สุด ผมคิดว่าตั้งแต่การเมืองท้องถิ่น ผมจะไม่โทษกกต.ว่าไม่ทำงาน อย่างกรณีจับซื้อเสียงการเลือกตั้งอบจ.ตรัง 2 เป็นกรณีที่ชาวบ้านแจ้งเอง ที่ร้ายก็คือ กกต.บอกว่าไม่ว่างไปดูเหตุการณ์ ถือว่าการเมืองท้องถิ่นในภาวะของการป้องกันซื้อสิทธิ์ขายเสียงมันพังทลายลง แต่ยังหวังว่าการเมืองใหญ่ การปลุกอุดมการณ์กลับมา เลือกด้วยเสียงบริสุทธิ์ มันอาจจะไม่เต็มร้อย แต่มันต้องมี”นายสาทิตย์กล่าวปิดท้าย
ด้านนายเดชอิศม์ ขาวทอง ส.ส.สงขลา พรรคปชป. ในฐานะรองหัวหน้าพรรคดูแลภาคใต้ กล่าวผ่านระบบ Zoom ระบุว่า ขอยืนยันว่าในเขต 2 ตรัง ตนจะเชียร์และให้การสนับสนุนนายสาทิตย์เกิน 100% ตนได้รับการยืนยันจากเลขาธิการพรรคและหัวหน้าพรรค ว่าต้องให้การสนับสนุนนายสาทิตย์เป็น ส.ส.ให้ได้โดยเด็ดขาด ตนมีความรักต่อชาวตรังอย่างมาก ฉะนั้นอย่าให้เมืองหลวงของปชป.เสียหาย อยากเห็นปชป.ตรังมาหมดทั้ง 4 คน และหลังจากนี้จะหาโอกาสมาพบชาวตรัง โดยเฉพาะเขต 2 และกระแสของพรรคปชป.เริ่มดีขึ้น หลังจากที่เราค่อนข้างตกต่ำมานาน แต่อย่างไรก็ตามพวกเราต้องมั่นคง และมั่นใจในคนของเราเอง
“ผมเพิ่งมาอยู่พรรคปชป.เมื่อไม่นานมานี้ และใช้เวลา15 ปี กว่าจะเข้าพรรคปชป.ได้ แต่เมื่อผมเข้ามาแล้วปชป.ทำให้ผมภูมิใจ แม้พรรคปชป.จะเป็นพรรคที่ยากจน แต่พรรคเราไม่มีนายทุน ไม่มีผู้สั่งการ สิ่งที่ปชป.ยึดถือได้แก่อุดมการณ์ ความซื่อสัตย์ ความเป็นสถาบันทางการเมือง เป็นพรรคเดียวที่ยืนหยัดมา 77 ปีแล้ว บางทีมีตกต่ำบ้าง บางทีก็ฟื้นขึ้นมา ความเป็นปชป.วันนี้เราต้องปรับตัวให้ทันต่อเหตุการณ์ ปรับตัวให้ทันสมัย ไม่ว่าจะเป็นความเป็นหนึ่งเดียวในจังหวัด ตอนนี้ผมแก้ไขให้หมดแล้ว ตั้งแต่ได้มาเป็นรองหัวหน้าพรรคภาคใต้ จ.สงขลา จ.นครศรีฯ เมื่อก่อนก็แบ่งเป็น 2-3 ทีม แต่เราได้เช็ตมาเป็นหนึ่งเดียวหมด
สำหรับ จ.ตรัง ยังขรุขระอยู่บ้างเล็กน้อย แต่ผมขอยืนยันว่าสุดท้ายเราต้องเป็นหนึ่งเดียว ปชป.ตรังต้องมายืนบนเวที 4 คน หาเสียงด้วยกันทั้ง 4 เขต จะหาเฉพาะเขตไหนไม่ได้แล้ว นี่คือความเป็นปชป.ที่เราต้องเปลี่ยนให้ได้ บุคลิกของผู้แทนพรรคปชป.ดีอยู่แล้วก็ดี แต่บางคนภาพลักษณ์ใจไม่ถึง พึ่งไม่ได้ ไม่ติดดิน วันนี้ต้องปรับตัว ปชป.รุ่นใหม่ ไม่ว่า ส.ส.เก่าหรือใหม่ ที่มาลงสมัครต้องเป็นคบได้เท่านั้น ใครคบไม่ได้เราจะไม่ส่งลงสมัคร”นายเดชอิศม์ระบุ
นายเดชอิศม์กล่าวอีกว่า เมื่อก่อนพรรคปชป.รับแต่คนอาวุโส แต่เดี่ยวนี้ให้โอกาสกับคนรุ่นใหม่ด้วย ส.ส.ที่เข้าไปสมัยแรกก็มีโอกาสได้ทำงาน แม้กระทั่งตนแม้จะเป็น ส.ส.สมัยแรก และได้รับการแต่งตั้งจากที่ประชุมใหญ่ให้เป็นรองหัวหน้าพรรคภาคใต้ นั่นแสดงให้เห็นว่าปชป.ปรับตัว วันนี้คนรุ่นใหม่ก็อยากเข้ามา เช่น ที่ จ.สงขลา ชัดเจนมาก วัยรุ่นอายุ 18-20 ปี มาสมัครเป็นแกนนำ มาสมัครเป็นหัวคะแนนของพรรค การเลือกตั้งซ่อมที่จ.สงขลา ตนเป็นผอ.การเลือกตั้ง ที่จ.ชุมพร นายสาทิตย์เป็นผอ.การเลือกตั้ง
ชีวิตพวกเราต่อสู้ทางการเมืองมายาวนานมาก แต่ตนเชื่อว่าไม่มีครั้งไหนยิ่งใหญ่เท่าครั้งนี้ ถ้าเป็นสงครามมาทั้งบนฟ้า ทั้งบนดิน ทั้งใต้ดิน อำนาจรัฐเขาบีบเราทุกทาง แต่เราก็รักษาเกียรติยศและศักดิ์ศรีของเราได้ ทั้งภาคใต้ลุกขึ้นมาต่อสู้ โดยเฉพาะคนปชป.เก่าๆ ที่น้อยใจพรรค ออกไปจากพรรคแล้ว บางคนไปเลือกพรรคอื่น วันนี้ทยอยกลับเข้ามาแล้ว เริ่มเห็นพรรคของเราเป็นเอกลักษณ์ของชาวใต้ หัวหน้าพรรคการเมืองที่แหลงใต้ได้วันนี้มีแค่พรรคปชป.เพียงพรรคเดียว ฉะนั้นตนอยากเชิญทุกคนกลับมาให้หมด
“สำหรับจ.ตรัง ที่มีข่าวความขัดแย้งในพื้นที่ ถือเป็นธรรมชาติของพรรคการเมืองที่ไม่มีเจ้าของ ไม่เหมือนกับพรรคที่มีเจ้าของมีคนสั่งการ ปชป.อยู่ได้ด้วยมติพรรค เมื่อความเห็นไม่ตรงกันทุกคนต้องมาลงมติ ดูเสียงส่วนใหญ่ ฉะนั้นเมื่อมีประชาธิปไตยมากจะเกิดความขลุกขลิกไม่ลงตัวบ้าง แต่นี้คือเสน่ห์ของประชาธิปไตย จ.ตรังเป็นเมืองหลวงการเมืองของนายชวน ที่สร้างบารมีไว้ให้คนทั้งประเทศ วันนี้คนทั้งประเทศยอมรับท่าน ด้านนายสาทิตย์ ไม่ว่าใครจะว่าจะวิจารณ์อย่างไร แต่ในสภานายสาทิตย์ไม่เป็นสองรองใคร นี่จึงเป็นเกียรติและศักดิ์ศรีของชาวตรัง และผมจะปวารณาตัวมาเป็นแม่ทัพเคียงข้างนายสาทิตย์ เอานายสาทิตย์มาเป็น ส.ส.ให้ได้ แม้จะมีใครบอกว่านายสาทิตย์ต้องพ่ายแพ้ก็ตาม และมีกระแสต่อต้าน เชื่อว่าคนตรังมีความเฉลียวฉลาด มีเกียรติยศ มีศักดิ์ศรี คิดได้ คิดเป็น ส่วนที่มีบางคนมาจัดตั้งกลุ่มไม่เอานายสาทิตย์ ผมขอรับปากกับทุกคนว่าจะมาแก้ปัญหาเรื่องนี้ให้เด็ดขาด ผมรับปากว่าสามารถแก้ปัญหานี้ได้ แล้วต่อไปผู้สมัครตรังต้องเดินทั้ง 4 เขต ผมไม่ยอมให้อยู่เฉพาะเขตตัวเอง ตรังต้องชนะทั้ง 4 เขต”นายเดชอิศม์กล่าว
นายเดชอิศม์กล่าวด้วยว่า สำหรับปัญหาในเขต 4 ตรัง ได้หาให้รือผู้ใหญ่และหารือนายชวนแล้ว ซึ่งนายชวนก็ตอบกลับว่า แล้วแต่รองหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรค ตนได้ฟังทั้ง 2 ข้างมาโดยตลอด อีกข้างบอกว่าจะเอานายสมบูรณ์ อีกข้างบอกว่านายสมบูรณ์จะแพ้ให้เอาอีกคน ตนก็รอการตัดสินใจของนายชวน แต่ตนรอมาถึงปลายเดือนสิงหาคม ที่ตนจะประกาศตัวผู้สมัครให้ครบทั้ง 58 เขต ในภาคใต้
ดังนั้นเมื่อมีผู้สมัครมากกว่า 1 คนในแต่ละเขต และแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ถ้าอยู่กลุ่มเดียวกันจะตัดสินใจง่าย เช่น จ.สุราษฎร์ธานี มีเขตเพิ่มจาก 6 เป็น 7 เขต มีการเสนอคนเข้ามาเพียง 1 คน ตนได้ถามนายบัญญัติ บรรทัดฐาน ท่านตอบตกลง ตนก็ตกลง เป็นอันว่าจบ พอมา จ.ตรัง นายชวนที่เป็นประธานสภาฯ ท่านก็ไม่อยากตัดสินใจ กลัวว่าทุกคนจะไปตำหนิท่านอีก ท่านจึงมอบให้ตนตัดสินใจ ตนจึงต้องทำโพลในวันที่ 22 สิงหาคมนี้
“หากใครมีคะแนนเสียงดีก็ไม่ต้องกังวล เพราะโพลผมยุติธรรม 100% มีทางออกให้ทุกฝ่ายได้ หากอีกฝ่ายหนึ่งแพ้ ผมต้องมีที่ยืนให้ในพรรคให้แน่นอน ระบบประชาธิปไตยจะทำอะไรได้ 100% นั้นไม่มี มันต้องมีทั้งฝ่ายสมหวัง และ ผิดหวัง ผมก็หนักใจ หนักใจที่สุด แต่ผมไม่มีทางเลือกเพราะต้องเอาคนที่ชนะการเลือกตั้งมาเป็นผู้แทน และต้องอธิบายทางวิทยาศาสตร์ได้ว่าที่มาที่ไปเป็นอย่างไร ผมได้พูดคุยกับนายสมบูรณ์ว่าไม่ต้องกังวล เพราะโพลที่นำมาตัดสินนั้นยุติธรรม และผมไม่รู้จักกับอีกคนที่กำลังเดินหาเสียงอยู่ แม้แต่ที่จ.พังงา บ้านของหัวหน้าพรรค ก็ต้องทำโพลเช่นกัน ผมได้ถามหัวหน้าพรรค เมื่อหัวหน้าไม่ตอบว่าจะเอาใคร ในเวลาที่จำกัดผมก็ต้องทำโพล”นายเดชอิศม์กล่าวตอนท้าย
ธีมดี ภาคย์ธนชิต/รายงาน