เหลือเวลาอีกราว 2 สัปดาห์ ก็จะถึงวันชี้ชะตา “บิ๊กตู่-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ในฐานะนายกรัฐมนตรี ว่า ดำรงตำแหน่งมาครบ 8 ปี ในวันที่ 24 ส.ค.2565 แล้วหรือไม่
หลังจากเมื่อวันที่ 14 ก.ย.2565 ที่ผ่านมา “9 ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ” ได้มีการอภิปรายเพื่อนำไปสู่การวินิจฉัยในคำร้องที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรขอให้วินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรี ของ พล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชา สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคสอง ประกอบมาตรา 158 วรรคสี่ หรือไม่
โดยศาลเห็นว่า คดีเป็นปัญหาข้อกฎหมายและหลักฐานเพียงพอให้พิจารณาวินิจฉัยได้ จึงให้ยุติการไต่สวนตามพ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ 2561มาตรา 58 วรรคหนึ่ง และกำหนดแถลงด้วยวาจา ปรึกษาหารือ ลงมติและอ่านคำวินิจฉัยให้คู่กรณีฟังในวันศุกร์ที่ 30 ก.ย.นี้ เวลา 15.00 น.
คดีดังกล่าว ศาลรัฐธรรมนูญได้มีมติเอกฉันท์ รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย เมื่อวันที่ 24 ส.ค.2565 และ มติ 5 ต่อ 4 สั่งให้ พล.อ.ประยุทธ์ หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯ และให้ยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาภายใน 15 วัน รวมไปถึงให้ นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ และ นายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขานุการคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ยื่นคำชี้แจงด้วย
ต่อมาในวันที่ 8 ก.ย.ที่ผ่านมา ศาลได้มีคำสั่งให้สำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร จัดส่งสำเนาบันทึกการประชุมและรายงานการประชุมคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญครั้งที่ 501 วันอังคารที่ 11 ก.ย.2561 ซึ่งมีวาระการประชุมรับรองบันทึกการประชุมครั้งที่ 500 วันศุกร์ที่ 7 ก.ย.2561 ที่คณะอนุกรรมการพิจารณาตรวจบันทึกการประชุม และรายงานการประชุมตรวจทานแล้ว โดยไม่มีการแก้ไขให้กับศาลภายในวันที่ 13 ก.ย.
ก่อนที่จะมีการประชุมในวันที่ 14 ก.ย. และนัดวินิจฉัยในวันศุกร์ที่ 30 ก.ย.นี้ ดังนั้น นับแต่ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้อง จนถึงวันที่ศาลนัดวินิจฉัย รวมระยะเวลาในการพิจารณาคดีทั้งสิ้น 38 วัน
แนววินิจฉัย 8 ปี นายกฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 14 ก.ย.ที่ผ่านมา ได้คณะตุลาการฯ ได้มีการหารือกันใน 2 ประเด็น คือ 1.จะกำหนดวันวินิจฉัยเมื่อใด โดยมีตุลาการบางคน เสนอเป็นสัปดาห์หน้า ขณะที่เสียงส่วนใหญ่ เห็นว่าควรยึดระเบียบ และวิธีปฏิบัติของศาล โดยให้ทอดเวลาออกไป 15 วัน จึงเห็นว่า วันที่ 30 ก.ย. เป็นวันที่เหมาะสมในการอ่านคำวินิจฉัย
2.จะวินิจฉัยในประเด็นใดบ้าง โดยที่ประชุมสรุปว่า จะวินิจฉัยเพียงประเด็นเดียว คือ ตามคำร้องของฝ่ายค้านที่ถามมาเพียงว่า การดำรงตำแหน่งนายกฯ ของ พล.อ.ประยุทธ์ ถือว่าครบวาระ 8 ปี ในวันที่ 24 ส.ค.2565 แล้วหรือไม่
“ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจะไม่มีมติกลาง เรื่องการนับวาระการดำรงตำแหน่งนายกฯ ของ พล.อ.ประยุทธ์ ว่า นับตั้งแต่เมื่อไหร่ เพราะฝ่ายค้านในฐานะผู้ร้อง ไม่ได้ถามว่าจะนับตั้งแต่เมื่อไหร่ ซึ่งศาลจะวินิจฉัยเกินคำร้องไม่ได้ แต่ในคำวินิจฉัยส่วนตน จะสามารถอธิบายเหตุผลได้ว่า นับจากเมื่อไหร่” แหล่งข่าวจากศาลรัฐธรรมนูญระบุ
“บิ๊กตู่”ลุ้นไปต่อ-จบแค่นี้
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในการคาดการณ์คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญนั้น ทีมงานคนใกล้ชิด พล.อ.ประยุทธ์ คาดว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะรอดพ้นจากปมนายกฯ 8 ปี โดยลุ้นมติตุลาการ 6 ต่อ 3 เพื่อให้ พล.อ.ประยุทธ์ ดำรงตำแหน่งนายกฯ ต่อไปได้
ขณะที่มีบางกระแสคาดการณ์ว่า พล.อ.ประยุทธ์ อาจได้ไปต่อ ด้วยมติ 7 ต่อ 2
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายที่ไม่สนับสนุนให้ พล.อ.ประยุทธ์ ไปต่อ ได้คาดหวังกับมติศาล 6 ต่อ 3 เช่นกันว่า พล.อ.ประยุทธ์ ดำรงตำแหน่งนายกฯ ครบ 8 ปีแล้ว ในวันที่ 24 ส.ค.2565 ที่ผ่านมา
ยุบสภาหลังเอเปค?
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในกรณีหาก ศาลรัฐธรรมนูญ มีคำวินิจฉัยว่า วันที่ 24 ส.ค.2565 การดำรงตำแหน่งนายกฯ ของ พล.อ.ประยุทธ์ ยังไม่ครบ 8 ปี จะทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้กลับมาดำรงตำแหน่งนายกฯ ต่อ ภายหลังถูกสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่
โดยหลังจากนี้ จะเดินหน้าจัดประชุมเอเปคในเดือน พ.ย.2565 และหากฎหมายลูก 2 ฉบับที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งมีผลบังคับใช้แล้ว ก็อาจ “ยุบสภา”ให้มีการเลือกใหม่ โดย
พล.อ.ประยุทธ์ มี 2 ทางเลือกในการตัดสินใจคือ “พอแล้ว” ยุติบทบาทการเมือง และ เดินหน้าเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง
ทั้งนี้ โอกาสที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะตัดสินใจ “วางมือการเมือง” ก็มีอยู่ไม่ใช่น้อย หากยังเหลือเวลาเป็นนายกฯ ได้อีก 2 ปี (เป็นมาตั้งแต่ ปี 2560 เมื่อ รธน.2560 บังคับใช้) ถึงจะครบ 8 ปี
เพราะหากเหลือเวลาเป็นนายกฯ ได้อีกเพียงแค่ 2 ปี ในยามที่เข้าโหมดหาเสียงของพรรคการเมือง ก็มีโอกาสสูงที่จะถูกหยิบยกไปโจมตี ดิสเครดิต เอาได้
“เพื่อไทย”มั่นใจครบ 8 ปีแล้ว
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญนัดฟังคำวินิจฉัยการดำรงตำแหน่งนายกฯ 8 ปี ของ พล.อ.ประยุทธ์ ในวันที่ 30 ก.ย.นี้ ว่า เป็นผลจากการที่ศาลพิเคราะห์หลักฐานทั้งหมดแล้ว เห็นว่า มีความครบถ้วนเพียงพอ ไม่ต้องหาหลักฐานเพิ่มเติมอีก ถือว่าสิ้นข้อสงสัยแล้ว จึงให้ทิ้งเวลาไม่น้อยกว่า 15 วัน ก่อนที่จะมีคำวินิจฉัยออกมา เพื่อให้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญไปทำคำวินิจฉัยส่วนตน เป็นลายลักษณ์อักษร
“พรรคเพื่อไทยมั่นใจว่า พยานหลักฐานต่างๆ ที่ยื่นไปทั้งหมด มีหลักฐานเพียงพอว่า พล.อ.ประยุทธ์ ต้องสิ้นสภาพการดำรงตำแหน่งนายกฯ ในวันที่ 24 ส.ค.2565”
“บิ๊กตู่”เคารพคำวินิจฉัยศาล
นายอนุชา บูรพชัยศรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกรัฐบาล เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ รับทราบผลการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ ที่กำหนดนัดอ่านคำวินิจฉัยเรื่องการดำรงตำแหน่งนายกฯ ในวันศุกร์ที่ 30 ก.ย.2565 โดยเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม และยืนยันว่าจะให้ความเคารพต่อผลการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ ไม่ว่าคำวินิจฉัยจะเป็นเช่นใด
นายอนุชา กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ ขอขอบคุณกำลังใจจากประชาชนทุกคนที่มอบให้ และขณะนี้ยังคงปฏิบัติหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในการสนับสนุนรัฐบาลอย่างเต็มที่