ย้อนมหากาพย์ฮั้วประมูลโรงพัก “สุเทพ เทือกสุบรรณ"

เป็นเวลากว่า 10 ปี สำหรับ คดีทุจริตโครงการก่อสร้างโรงพักทดแทน 396 แห่ง "ฮั้วประมูลโรงพัก" ที่มี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกฯและแกนนำ กปปส. เป็นจำเลยคนสำคัญ โดยวันนี้ ศาลฎีกาจะชี้ขาดวันนี้ (20 ก.ย.) ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดอ่านคำพิพากษาคดีที่ ป.ป.ช.ฟ้อง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี กับพวกรวม 6 คน ซึ่งนายสุเทพ เดินทางไปฟังคำพิพากษาด้วยตัวเอง พร้อมมั่นใจพ้นผิดคดี

โดยนายสุเทพ ระบุว่า ขณะนั้นสถานีตำรวจที่ประมูลไปแล้วสร้างไม่เสร็จ เลยเอาตนมาเป็นแพะ ส่วนคนที่เป็นตัวตั้งตัวตีอีกคนหนึ่งก็คือคุณธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ออกมาแถลงข่าวดำเนินคดีว่าตนมีการฮั้วประมูล ซึ่งขณะนี้ก็ถูกจำคุกลงโทษไปแล้ว

เริ่มต้นของคดีนี้ คือ  ป.ป.ช.ฟ้อง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี, พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ อดีตรักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ  พล.ต.ต.สัจจะ คชหิรัญ, พ.ต.ท.สุริยา แจ้งสุวรรณ์ บริษัท พีซีซี ดีเวลล็อปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด นายวิศณุ วิเศษสิงห์ เป็นจำเลยที่ 1-6 กล่าวหาว่าร่วมกันฮั้วประมูลโครงการสร้างโรงพักทดเเทน และโครงการก่อสร้างอาคารที่พัก (แฟลตตำรวจ) จำนวน 396 แห่ง ของตำรวจภูธรภาค 1-9 วงเงินงบประมาณ 5,848 ล้านบาท เเละยืดเยื้อมาหลายปี ตั้งแต่ยุครัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

ป.ป.ช.สรุปสำนวนว่า นายสุเทพ และพล.ต.อ.ปทีป เปลี่ยแนวทางจัดซื้อจัดจ้างโครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการสถานีตำรวจ (ทดแทน) จำนวน 396 หลัง เป็นการรวมจัดจ้างก่อสร้างไว้ที่ส่วนกลางสัญญาเดียว โดย บริษัท พีซีซี ดีเวลล็อปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด ชนะการประกวดราคา มีนายวิศณุ วิเศษสิงห์ เป็นผู้ยื่นเอกสารบัญชีแสดงปริมาณวัสดุและราคาได้เสนอต่ำกว่าผิดปกติ

พล.ต.ต.สัจจะ คชหิรัญ และ พ.ต.ท.สุริยา แจ้งสุวรรณ์ ในฐานะคณะกรรมการประกวดราคา ถูกกล่าวหาว่าไม่ตรวจสอบราคาที่ผิดปกติ และขออนุมัติจ้าง และใช้ประกอบเป็นเอกสารแนบท้ายสัญญา

เเต่บริษัท พีซีซี ก่อสร้างไม่แล้วเสร็จตามสัญญา เป็นเหตุให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสียหาย จึงขอให้ลงโทษ นายสุเทพ และพลตำรวจเอกปทีป  ตามมาตรา 157

ลงโทษ พล.ต.ต.สัจจะ คชหิรัญ และ พ.ต.ท.สุริยา แจ้งสุวรรณ์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151,157 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 และลงโทษบริษัท พีซีซี กับนายวิศณุ วิเศษสิงห์ ในฐานะผู้สนับสนุนการกระทำผิด