จากกรณีที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัย เรื่อง ประธานสภาผู้แทนราษฎรส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบ มาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรี ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสอง ประกอบมาตรา 158 วรรคสี่ หรือไม่
โดยตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 6 ต่อ 3 วินิจฉัยว่า พล.อ.ประยุทธ์ ผู้ถูกร้องดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีตามความในมาตรา 264 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 นับแต่วันที่ 6 เมษายน 2560 ถึงวันที่ 24 สิงหาคม 2565 ผู้ถูกร้องดำรงตำแหน่งนายกฯ ยังไม่ครบกำหนดเวลาตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 มาตรา 158 วรรคสี่ ความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีผู้ถูกร้องไม่สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 มาตรา 170 วรรคสอง ประกอบมาตรา 158 วรรคสี่
ทั้งนี้ หากเจาะให้ลึกลงไปแล้วประเด็นสำคัญในเรื่องนี้ คือ การตีความวาระการดำรงตำแหน่งนายกฯ ของ พล.อ.ประยุทธ์ ว่าต้องเริ่มนับเมื่อใดนั้น พบว่า ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั้ง 9 รายนั้นมีความเห็นแตกออกเป็น 3 แนวทาง หรือแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ได้ดังนี้
กลุ่มที่ 1 เห็นชอบให้นับจากวันที่ดำรงตำแหน่งเป็นนายกฯ หลังการรัฐประหารในปี 2557 หรือ 24 ส.ค. 2557
1.นายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์
2.นายทวีเกียรติ มีนะกนิษฐ
3.นายนพดล เทพพิทักษ์
กลุ่มที่ 2 เห็นชอบ ให้นับจากวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับ 2560 หรือนับตั้งแต่วันที่ 6 เมษายน 2560
1.นายวรวิทย์ กังศศิเทียม ประธานศาลรัฐธรรมนูญ
2.นายปัญญา อุดชาชน
3.นายจิรนิติ หะวานนท์
4.นายวิรุฬห์ แสงเทียน
5.นายบรรจงศักดิ์ วงศ์ปราชญ์
ขณะที่ "นายอุดม สิทธิวิรัชธรรม" เป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเพียงรายเดียวที่เห็นชอบ ให้นับจากวันที่ดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี หลังการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ 2560 หรือ วันที่ 9 มิถุนายน 2562