“จุรินทร์”ย้ำชัดไม่แก้ ม.112 ชี้ไม่มีประเทศไหน ไม่มีบทคุ้มครองประมุขตนเอง

19 ต.ค. 2565 | 03:44 น.
อัปเดตล่าสุด :19 ต.ค. 2565 | 11:13 น.

“จุรินทร์”ย้ำชัด ไม่หนุนแก้ ม.112 ชี้ทุกประเทศในโลก ต้องมีตัวบทกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองประมุขของตนเอง เผยเตรียม”ออนทัวร์”เปิดตัวว่าที่ ส.ส.ปชป.อีกรอบทุกภาค

วันที่ 19 ต.ค. 2565 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมคณะกรรมการนโยบายการบริหารงานเชิงพื้นที่แบบบูรณาการครั้งที่ 1/2565 ที่ ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล

 

โดยผู้สื่อข่าวสอบถามถึงความคืบหน้าเรื่องการปรับ ครม. ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ ว่า ภารกิจในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ได้เสร็จสิ้นแล้ว ขอให้นายกฯ ได้ใช้เวลาเพื่อใช้ดุลพินิจ เพราะตนเข้าใจเรื่องนี้ เราก็เคยเป็นพรรคแกนนำรัฐบาลมา เราเข้าใจว่าท่านจะต้องดูอะไรอย่างไรบ้าง ก็ให้เวลานายกฯและให้เกียรตินายกฯด้วย 

 

ส่วนที่ผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสข่าวที่มีสมาชิกย้ายพรรค ได้มีการตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับแกนนำพรรคอย่างไรหรือไม่นั้น หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า วานนี้นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข ได้ปฏิเสธแล้ว และตนไม่รู้ว่าแต่ละข่าวมาจากไหน บางครั้งก็มุ่งทำให้ประชาธิปัตย์ติดลบก็มี ปรารถนาดีก็มี ปรารถนาไม่ดีก็มี สารพัด 


 

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์

 

“ผมเรียนเลยครับ ในภาพรวม ทุกพรรคการเมือง เมื่อเข้าสู่โหมดการเลือกตั้ง ปรากฎการณ์คนเข้าคนออกมีทุกพรรค ถ้าไปดูอยู่เดี๋ยวนี้ก็จะเห็นชัดเจน มีพรรคไหนไม่มีคนเข้า ไม่มีคนออกบ้าง ก็มีเกิดขึ้นได้อยู่แล้ว ไม่ว่ากับพรรคการเมืองไหน

 

ส่วนประชาธิปัตย์นั้น  เรามีผู้สมัครจากหลายเขตที่เรานิ่งแล้ว และเป็นที่ยุติ เปิดตัวแล้ว แล้วก็เขตไหนที่ถึงเวลาเหมาะสมก็จะทยอยเปิดตัว อย่างภาคใต้ผมก็เพิ่งเปิดที่จังหวัดกระบี่ ชุมพร ถัดจากนี้ จุรินทร์ออนทัวร์ ไปเปิดที่สมุทรสาคร แล้วก็จะไปที่จังหวัดอื่นๆ อีกหลายจังหวัด เช่นนครศรีธรรมราช พัทลุง

 

ซึ่งเรามีความพร้อมแล้ว ในภาคใต้นี้ก็พร้อมเกือบหมดแล้ว กรุงเทพมหานครก็เกือบจะครบแล้ว รอการแบ่งเขตที่ชัดเจน แล้วผมก็ไปที่โคราช ซึ่งตัวผู้สมัครก็พร้อม 90 กว่าเปอร์เซนต์แล้ว สำหรับโคราช ในภาคอีสาน แล้วก็จะไปอีกหลายจังหวัดในภาคเหนือด้วย” 

 

หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุอีกด้วยว่า ตนเรียนไปหลายรอบแล้วว่า ตนมีความมั่นใจ จากการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาเราได้ 22 ที่นั่ง เที่ยวหน้า ตนก็มั่นใจว่าต้องได้เกิน และได้ย้ำไปหลายรอบแล้ว ประชาธิปัตย์ก็เป็นหนึ่งพรรคการเมืองที่เราเสนอตัวเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดพรรคหนึ่ง อย่างน้อยเราก็เป็นสถาบันทางการเมือง มีหลักมีเกณฑ์ในการตัดสินใจ ไม่คำนึงถึงประโยชน์ส่วนตัว หรือของพรรคมากกว่าประโยชน์ส่วนรวมของประเทศ

 

เราให้ความสำคัญสูงสุดกับประโยชน์ส่วนรวมของประเทศ และเรายึดมั่นในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข 

 

“เราพูดชัดครับ การแก้มาตรา 112 พรรคประชาธิปัตย์ไม่เอาด้วย พูดชัดเจนมาหลายรอบแล้ว จะแก้รัฐธรรมนูญไปสู่ความเป็นประชาธิปไตยยิ่งขึ้น ประชาธิปัตย์เราสนับสนุน และเคยเสนอไปแล้วด้วย เพียงแต่ร่างประชาธิปัตย์ 7 ร่าง มันผ่านแค่ร่างเดียว

 

แต่ต่อไปถ้าจะต้องแก้อีก แล้วแนวทางมันไปตามทิศทางที่เรากำหนด เราก็พร้อมสนับสนุน แม้เราไม่ได้เสนอเอง หรือแค่มีวาระเข้าพิจารณาในสภา ประชาธิปัตย์ก็พร้อม แต่ต้องไม่แตะหมวด 1 หมวด 2 และไม่แก้มาตรา 112 ซึ่งเหตุผลมันมีชัดเจนว่า ไม่มีประเทศไหนในโลกที่ไม่มีบทคุ้มครองประมุขของตัวเอง ไม่ว่าจะปกครองด้วยระบอบไหนก็มีบทคุ้มครองประมุขของตัวเองทั้งนั้น

 

ประเทศไทยก็เหมือนกัน ไม่ใช่ว่าเราผิดแผกแตกต่างไปจากประเทศอื่น เพราะฉะนั้นมาตรา 112 นี้ก็เป็นมาตราที่มีความจำเป็นเพื่อคุ้มครองประมุขของประเทศไทย” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าว