จากกรณีที่ นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี กรรมการสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ และอดีตรองนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้ประกาศลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อวันที่ 27 ต.ค. ที่ผ่านมา นับเป็นอีกครั้ง ที่พรรคประชาธิปัตย์ เกิดเหตุการณ์เลือดเก่าไหลออก
โดยเหตุผลในการตัดใจปิดตำนาน 38 ปี กับพรรคประชาธิปัตย์นั้น นายไตรรงค์ ได้ เปิดเผยไว้ในเฟสบุ๊คส่วนตัว ในบางช่วงตอน ถึงอุดมการณ์พรรคประชาธิปัตย์ที่ตนเองรักว่า “ผมลาออก ทั้งๆที่ยังรักพรรคประชาธิปัตย์อยู่ แต่ผมไม่ได้รักที่ตัวตึก หรือตัวบุคคล ผมไม่เคยยึดมั่นในสิ่งลวงตาเหล่านั้นที่ผมรักก็คือ อุดมการณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ได้ประกาศไว้ในวันก่อตั้งพรรคเมื่อปี พ.ศ.2489 จึงได้เข้าเป็นสมาชิกมาตลอดเวลา 38ปี"
ทีมข่าวฐานเศรษฐกิจ ได้เปิดอุดมการณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ ที่นายไตรรงค์รัก ทั้ง 10 ข้อ เปรียบเทียบกับ ข้อคิดเห็นของนายไตรรงค์ที่ว่าควร ปรับปรุงให้สอดคล้อง กับยุคสมัยและบริบทปัจจุบัน
อุดมการณ์ของพรรคประชาธิปัตย์” ที่ได้ประกาศไว้ เมื่อวันที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2489
ข้อนี้ นายไตรรงค์เห็นว่า “ต้องเขียนใหม่ให้ชัดว่าไม่ใช่เฉพาะเผด็จการทหาร แต่หมายรวมถึงเผด็จการรัฐสภาด้วย”
ข้อนี้ นายไตรรงค์เห็นว่า “ในนโยบายต่างประเทศต้องเขียนใหม่ให้ชัดว่าเราจะเป็นมิตรกับทุกประเทศแม้ว่าระบอบการเมืองการปกครองจะแตกต่างจากของของเราที่กำลังใช้อยู่ เป็นต้น แต่ต้องทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้อธิปไตยของชาติต้องถูกครอบงำโดยประเทศอื่นอย่างเด็ดขาด”
ทั้งนี้ จากกระแสข่าวก่อนหน้า ว่า นายไตรรงค์ เตรียมจะลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อไปร่วมทำการเมืองกับพรรครวมไทยสร้างชาติ ของ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค นั้น เมื่อครั้ง
ประชุมใหญ่พรรค รทสช. นายพีระพันธุ์ ได้กล่าวแสดงวิสัยทัศน์ ต่อบรรดาสมาชิกพรรค หลังจากได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้าพรรคว่า ““เราจะไม่ทำให้ประชาชนและประเทศไทยผิดหวังในพรรครวมไทยสร้างชาติ” และ “จะสร้างรวมไทยสร้างชาติให้เป็นพรรคหลักของประเทศ นำพรรคเข้าสู่สนามเลือกตั้งครั้งหน้าด้วยความมั่นใจ มั่นคง และจะชนะให้ได้มากที่สุด” และ กล่าวเชิญชวนประชาชนให้ร่วมกันค้ำจุนปกป้องเสาหลัก 3 ประการของประเทศไทย ซึ่งเป็นที่ภาคภูมิใจของทุกคนในความเป็นชาติ ความเป็นคนไทย