นางสาวพิมพ์รพี พันธุ์วิชาติกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ นายสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง ส.ส.กระบี่ พรรคภูมิใจไทย และ นายคารม พลพรกลาง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ขู่ว่า หากสภาฯไม่ผ่านร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง พ.ศ..... จะมี ส.ส.จากหลายพรรคการเมืองประมาณ 20-30 คน ลาออก
พร้อมกับมีการกล่าวหาพรรคการเมือง ที่ไม่เห็นด้วยกับร่างกฎหมายฉบับนี้ว่า ถือเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ขาดวุฒิภาวะ ในฐานะตัวแทนปวงชนชาวไทยอย่างยิ่ง
เนื่องจากเป็นการจับเอาสภาเป็นตัวประกัน โดยไม่ฟังเหตุผลที่ฝ่ายที่ทักท้วง ทั้งที่มีการให้ข้อมูลชัดเจน ถึงความกังวลของสังคม เกี่ยวกับปัญหาที่จะเกิดการมอมเมาเด็กและเยาวชน เข้าถึงกัญชาง่าย ควบคุมยาก จนมีข่าวให้เห็นอย่างต่อเนื่อง
นางสาวพิมพ์รพี กล่าวอีกว่า ที่น่าหนักใจคือ เด็กที่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการเสพกัญชามีอายุลดลง ล่าสุดเด็กเสพกัญชาในโรงเรียน อายุเพียงแค่ 8-10 ขวบเท่านั้น และอยากย้ำอีกครั้งว่า กัญชา จะเป็นประตูแรกที่ทำให้เยาวชนก้าวสู่วังวนของยาเสพติดได้ง่ายขึ้น
เราทักท้วงเพื่ออนาคตของชาติ ไม่มีการเมืองใด ๆ มาเกี่ยวข้อง ในฐานะที่เป็นสส. นอกจากรับผิดชอบต่อคนที่เลือกเรามาแล้ว เรายังต้องรับผิดชอบต่อสังคมไทย ให้สมกับเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทยด้วย ไม่เอาประโยชน์พรรคเป็นที่ตั้ง โดยปราศจากความรับผิดชอบต่อสังคม
กัญชาการแพทย์ไม่มีใครคัดค้าน แต่กัญชาการแพทย์ที่มีข้อกังขาเรื่องสอดไส้ผลประโยชน์ จนไม่คำนึงถึงผลกระทบต่อเยาวชน อันนี้เรายอมไม่ได้
รัฐบาลพลาดไปแล้วครั้งหนึ่งที่ยอมให้มีการปลดล็อกกัญชาจากยาเสพติด โดยไร้กฎหมายรองรับ เมื่อออกกฎหมายก็ยังไม่ครอบคลุม จึงต้องทบทวนหาทางออก เพื่อยุติสุญญากาศกัญชาเสรี เพราะประกาศกระทรวงสาธารณสุขที่ออกมาในขณะนี้ ก็ยังแก้ปัญหาไม่ได้
สุดท้ายถ้าต้องกลับไปให้กัญชาเป็นยาเสพติดเหมือนเดิมก็ต้องทำ เพียงแต่เปิดช่องให้ชัดสำหรับการแพทย์จริง ๆ ก็จะช่วยลดความกังวลของสังคมได้ ขณะเดียวกันผู้ป่วยที่ต้องการกัญชาเพื่อการรักษาก็ยังได้ประโยชน์อยู่