นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า (ชพก.) อดีตรองนายกรัฐมนตรี แกนนำพรรคฯ กล่าวถึงกระแส ยุบสภา จากปัญหาพรรคใหญ่ 2 ป.แยกทาง มองว่า ตอนนี้ภารกิจที่สำคัญในการเป็นเจ้าภาพเอเปคจบไปแล้ว
เป็นเรื่องที่ดีที่เราสามารถเป็นเจ้าภาพที่ดีแล้วสร้างความประทับใจให้กับผู้มาเยือน ไม่ว่าจะเป็นการช่วยกันสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ และการลงทุนต่างๆให้กับประเทศ ถือว่าประสบความสำเร็จ และตอนนี้เมื่อเอเปคจบไปแล้วต่อไปก็คงจะไม่มีเรื่องอะไรที่เป็นภารกิจที่ใหญ่ ก็คงมาพูดกันถึงเรื่องการเมือง ซึ่งมันก็คงเข้าสู่โหมด นับถอยหลังสู่การเลือกตั้งทั่วไป
หลังจากนี้จะต้องรอความชัดเจนจากศาลรัฐธรรมนูญด้วย อย่างเมื่อวานนี้ศาลก็ได้ให้คำวินิจฉัยในเรื่องของ กฎหมายพรรคการเมืองแล้ว ต่อไปก็เป็นเรื่องกฎหมายเลือกตั้ง ซึ่งบรรยากาศบ้านเมืองตอนนี้ทุกอย่างถือว่าเรียบร้อย
ส่วนการเลือกตั้งกติกาอะไรต่างๆก็คงจะต้องรอฟังความชัดเจนจากศาล รธน. และการตัดสินใจของรัฐบาล ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทรืโอชา นายกรัฐมนตรีว่าจะให้มีการเลือกตั้งเมื่อไหร่ คิดว่าทุกพรรคการเมืองต้องพร้อม ตอนนี้บรรยากาศก็พร้อมแล้วทุกอย่าง
ส่วนปัญหาที่กำลังร้อนแรงจากปัญหาพรรคใหญ่พรรครัฐบาล 2 ป.จะแยกทางกันคิดว่าควรจะยุบสภาฯช่วงนี้หรือเดือนธันวาคมก่อนปีใหม่หรือหลังปีใหม่นั้น
นายสุวัจน์ฯกล่าวว่า ยุบสภาช่วงไหน อยู่ที่การตัดสินใจของรัฐบาล เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น ทุกคนก็พร้อมกันอยู่แล้ว พรรคชาติพัฒนากล้าก็พร้อมเต็มที่อยู่แล้ว ชัดเจนเมื่อไหร่ก็ลงสู่สนามเลือกตั้งกัน พรรคชาติพัฒนากล้ามั่นใจจะได้ ส.ส.มากกว่าเดิมแน่นอน มั่นใจว่าดีกว่าเดิม ดีกว่าเดิมเยอะ
ดูจากผลสำรวจ ดูจากผลงานต่างๆ เที่ยวนี้พรรคชาติพัฒนากล้าจะเข้มแข็งขึ้นจะได้มีโอกาสทำงานให้กับพี่น้องประชาชน เพราะจริงๆแล้เราอยากจะเข้าไปทำงาน ในเรื่องของเศรษฐกิจ เพราะว่าตอนนี้เป็นปัญหาจริงๆที่จะต้องไปแก้ไขกัน นโยบายกับบุคลากรของพรรคชาติพัฒนากล้ามีความพร้อม มีความมั่นใจ
"ประมาณช่วงต้นเดือนธันวาคมนี้พรรคชาติพัฒนากล้าจะเปิดตัวนโยบายพรรคฯ โดยเฉพาะนโยบายเศรษฐกิจว่า “ ของจะไม่แพงต้องทำอย่างไร ทุกคนจะต้องมีงานทำต้องทำอย่างไร ทุกคนจะต้องมีเงินกันต้องทำอย่างไร"
นายสุวัจน์ กล่าวถึงเรื่องโพลแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และพรรคการเมือง ว่าก็สะท้อนความรู้สึกนึกคิด พรรคการเมืองก็ต้องไปปรับยุทธวิธีให้เหมาะสม การทำโพลก็เป็นวิทยาศาสตร์อย่างหนึ่ง ต่างประเทศเวลาจะเลือกตั้ง เรื่องการเมืองพรรคการเมืองก็ใช้โพลเพื่อที่จะมาจัดทำนโยบาย และมาปรับกำลังภายในพรรคให้เหมาะสมก็ต้องฟังและมาปรับ อย่างตอนนี้โพลต่างๆที่ออกมา พรรคชาติพันากล้า ก็น้อมรับแล้วก็นำมาศึกษาว่าประชาชนเป็นห่วงเรื่องอะไร และอยากเห็นการเมืองแนวไหน อยากเห็นเศรษฐกิจแบบไหนเราก็มาทำในสิ่งที่สะท้อนออกมาจากการทำโพล
อย่างเที่ยวนี้เราถึงมั่นใจว่าปัญหาความเจ็บปวดและสิ่งที่พี่น้องประชาชนอยากเห็นมากก็คือนโยบายเศรษฐกิจการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ พรรคชาติพัฒนากล้า มั่นใจ และมั่นใจในคนของเรา มั่นใจในนโยบาย ต้นเดือนธันวาคมนี้กำหนดนโยบาย
ผู้สื่อข่าวถามถึงช่วงนี้มีคนหลายเข้าพบบ่อย โดนเฉพาะการพบกันกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยมีอะไรเซอร์ไพร์สอีก นายสุวัจน์ฯก่อนกล่าวถึงกับหัวเราะชอบอกชอบใจว่า ไม่มีอะไร นายอนุทินฯกับตนสนิทกันมานาน ตั้งแต่สมัยพรรคชาติพัฒนา ตอนพล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ เป็นหัวหน้าพรรคฯ
คุณพ่อนายอนุทินฯ นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล เป็นผู้ใหญ่ในพรรค และเป็นเพื่อนกับพล.อ.ชาติชายฯ ตอนนั้นก็เริ่มชีวิตการเมืองด้วยการเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังที่พรรคชาติพัฒนาและตอนหลังนายอนุทินฯก็เติบโตพรรคชาติพัฒนา ฉะนั้นมีความสนิท มีความคุ้นเคย เพียงแต่วันนี้พอดีมีวงดนตรีจากต่างประเทศ วงแพตเตอร์เป็นนักดนตรีรุ่นเก่า ใครๆก็ต้องรู้จักก็เลยไปเจอกันที่งานก็เลยนั่งโต๊ะเดียวกันก็ฟังเพงนึกถึงความหลังกัน ไม่มีการเมือง
ส่วนหลังการเลือกตั้งจะเป็นรัฐบาลผสมหรือรัฐบาลพรรคเดียวนั้น นายสุวัจน์ฯตอบว่า ขึ้นอยู่กับผลการเลือกตั้ง แต่ว่าจะอย่างไรก็แล้วแต่ที่ผ่านมาเราก็มีรัฐบาลผสมตลอด จะผสมกันอย่างไรก็แล้วแต่ตนคิดว่าต้องผสมกันให้ถูกสัดถูกส่วน คือผสมกันให้เกิดเสถียรภาพ และผสมกันให้เกิดนโยบายที่ดีสามารถมาแก้ไขปัญหาประเทศได้
อันนี้สำคัญ 2 เรื่อง ผสมกันให้เกิดนโยบายที่ดีในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ และผสมกันให้เกิดเสถียรภาพ เพราะปัญหาของประเทศใน 4 ปีข้างหน้านี้ ตนว่าเราจำเป็นมากๆที่ต้องได้การเมืองแบบมืออาชีพ มืออาชีพทางด้านเศรษฐกิจ และได้การเมืองที่มีเสถียรภาพ ต่อเนื่องถึงจะดึงนักลงทุนกลับมาได้ ถึงจะสร้างความมั่นใจและสามารถที่จะแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ที่รุมเร้าอยู่ที่เป็นปัญหามากๆ