นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) แถลงกรณีปัญหาการต่อสัมปทานโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว และส่วนต่อขยายรถไฟฟ้า ซึ่งล่าสุดบีทีเอส ได้ขึ้นป้ายทวงหนี้ 4 หมื่นล้านบาท จากกทม.ว่า เรื่องดังกล่าว พรรค พท.ได้เคยอภิปรายคัดค้านมาแล้ว 3 ครั้ง แต่การแก้ไขยังไม่คืบหน้า
โดยปัญหาดังกล่าวสืบเนื่องมานาน และการก่อสร้างส่วนต่อขยายที่ 2 ช่วงหมอชิต ไปแบริ่ง สมุทรปราการ ซึ่งอยู่นอกเขตอำนาจกทม.ทำให้กทม.ไม่สามารถอนุมัติเบิกจ่ายเงินได้ เพราะเป็นเรื่องของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ที่เป็นเจ้าภาพดำเนินการ
แต่รัฐบาลคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้มอบให้ กทม.วิ่งรถแทน รฟม. และกทม.ได้ไปจ้างกรุงเทพธนาคม ซึ่งเป็นบริษัทลูก กทม. ซึ่งได้มีการไปจ้าง บีทีเอส ดำเนินการต่อ ทั้งที่เป็นทรัพย์สิน รฟม.โดยให้วิ่งรถไปถึงปี 2585 โดยวิธีพิเศษไม่มีการประมูล ไม่ผ่านพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ร่วมทุน
ทั้งนี้มูลค่าหนี้ 4 หมื่นล้านบาท ส่วนแรกมีค่าระบบไฟฟ้า ส่วนที่สองคือปล่อยนั่งฟรีตั้งแต่ปี 2561 และส่วนที่สามเกิดจากจะควบรวมเป็นเส้นเดียวโดยให้สัมปทาน 40 ปีให้กทม.ไม่ต้องจ่ายเงิน
ดังนั้น ปัญหาทั้งหมดที่เกิดมาจากรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ บริหารล้มเหลว ที่เลี่ยงกฎหมายแล้วไปออกม.44 และให้กทม.รับโอนจาก รฟม.นำไปสู่การเจรจา และต่อสัมปทานล่วงหน้า
ปัญหาตรงนี้เกิดก่อนที่ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ จะมาเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร จึงเป็นเหตุผลที่นายชัชชาติ ไม่สามารถจ่ายเงินได้ เพราะส่วนต่อขยายดังกล่าวอยู่นอกเขตกทม.ซึ่งสภากทม.ไม่มีอำนาจเบิกจ่ายได้
พรรค พท. จึงขอเสนอทางออกคือให้ กทม.โอนหนี้และทรัพย์สินส่วนต่อขยายที่ 2 ที่วิ่งรถนอกเขตกทม.กลับคืนไปให้ รฟม. ส่วนรฟม.จะนำไปวิ่งรถ หรือจะเปิดประมูลอย่างใดให้เป็นไปตามพ.ร.บ.ร่วมทุน ไม่ควรให้เป็นภาระของกทม.
นอกจากนั้นคณะรัฐมนตรี (ครม.) ควรมีมติยกเลิกคำสั่งคสช.ที่ 3/2562 กรณีส่วนต่อขยายสัมปทานนอกเขตกทม.โดยเร็วที่สุด