“จีทูจี-จีทูเจี๊ยะ?” คดีฉาว ในรัฐบาลอภิสิทธิ์-ยิ่งลักษณ์

27 พ.ย. 2565 | 07:55 น.
อัปเดตล่าสุด :27 พ.ย. 2565 | 15:35 น.

“จีทูจี-จีทูเจี๊ยะ?” คดีฉาว ในรัฐบาลอภิสิทธิ์-ยิ่งลักษณ์ : คนดังทั้งอดีตนายกฯ “ยิ่งลักษณ์ - ทักษิณ ชินวัตร - อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” รวมถึง เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ - บุญทรง เตริยาภิรมย์ - ไตรรงค์ สุวรรณคีรี” ต่างตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาในคดี “จีทูจีข้าวภาค 2 -มันเส้นจีทูจี”

ใกล้เข้ามาทุกขณะ สำหรับการพิจารณาลงมติของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในการชี้มูลความผิด คดีระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ภาค 2 


ที่มีการกล่าวหา บุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ ทักษิณ ชินวัตร ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร 2 อดีตนายกรัฐมนตรี  และ เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย เพราะเตรียมนำเข้าที่ประชุมป.ป.ช.ชุดใหญ่ เพื่อพิจารณาในเดือน พ.ย.-ต้น ธ.ค.นี้

 

“โครงการรับจำนำข้าว ภาคแรก” มีการชี้มูลความผิด มีการตัดสินความผิด ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีอีกหลายคน คดีนี้จึงเป็นบรรทัดฐานสำหรับการชี้มูลความผิดในคดีระบายข้าวจีทูจี  


บุญทรง เตริยาภิรมย์ และ ภูมิ สารผล 2 รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ ใน “รัฐบาลยิ่งลักษณ์” ติดคุกจากคดี “จำนำข้าว” ขณะที่ บุญทรง ก็ยังมีชื่อตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาในคดีระบายข้าวแบบจีทูจี และคดีระบายมันเส้นจีทูจี อีกด้วย


 

 

คดีระบายข้าวจีทูจี และคดีระบายมันเส้นจีทูจี ป.ป.ช.ตั้งกรรมการไต่สวนผู้ถูกกล่าวหา และเตรียมที่จะชี้มูลความผิด 2 คดีสำคัญ ในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ในช่วงปลาย พ.ย. หรือ ต้นเดือนธ.ค.นี้


แต่การระบาย “มันเส้นจีทูจี” ยังมีอีก 1 คดี เกิดขึ้นตั้งแต่รัฐบาล อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ 


โดยผู้ถูกกล่าวหา ในคดีจีทูจี ทั้ง 3 คดี ล้วนเป็นนักการเมืองที่มีชื่อเสียง บางคนกำลังมีชื่อโดดเด่นเปิดตัวกับพรรคการเมือง ที่เพิ่งตั้งใหม่ เพื่อรองรับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในการเลือกตั้งครั้งหน้า 


ทำให้คดีนี้มีความน่าสนใจยิ่ง เพราะหมายถึงการชี้ชะตาอนาคตการเมืองด้วย


เริ่มต้นจีทูจี คดีที่ 1 คือ ทุจริตซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือ ระบายข้าวจีทูจี ภาค 2 เกิดขึ้นเมื่อปี 2556  มีทั้งหมด 4 สัญญา ทั้ง 4 สัญญา มีนักการเมืองคนสำคัญที่ถูกกล่าวหา คือ  2 อดีตนายกฯ ตระกูลชิน ทั้ง ทักษิณ และ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มี อดีตส.ส.เพื่อไทย เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ และผู้ถูกกล่าวหาอื่น มากถึง 72 ราย


คดีทุจริตระบายข้าวจีทูจีนี้ ป.ป.ช.แจ้งข้อกล่าวหาไปแล้ว 52 ราย แต่ยังมีบุคคลที่เหลืออีก 20 ราย ป.ป.ช.ได้สอบปากคำพยานเพิ่มเติม และเตรียมแจ้งข้อกล่าวหาให้ครบทุกคน แต่ใน 20 คน บางคนถูกกันไว้เป็นพยาน และเมื่อมีการชี้มูล 


โดยเมื่อแจ้งข้อกล่าวหาเรียบร้อยแล้ว จะสรุปตัวเลขความเสียหายจากโครงการระบายข้าวกับจีทูจีภาค 2 ว่า มูลค่าความเสียหายที่แท้จริงเป็นเงินเท่าไหร่


นิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการ ป.ป.ช. กล่าวว่า บุญทรง เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง รมว.พาณิชย์ กับ พวก ตกเป็นผู้ต้องหารวมทั้งหมด 72 ราย มีทั้งเอกชน มีทั้งบริษัทที่เป็นนิติบุคคล โดยเป็นบริษัทของจีน ที่อ้างว่าเป็นคนจีน เข้าประเด็นเป็นเรื่องการอนุญาตขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ 


แต่จากการตรวจสอบของเราก็ปรากฏว่า บริษัทต่างประเทศของจีนที่เข้ามาขอซื้อข้าว ไม่ใช่เป็นตัวแทนรัฐบาลจีนตามกฎหมายของทางประเทศจีน มันเป็นเหมือนกับเป็นบริษัทของทางมณฑลต่างๆ แล้วก็มาส่วนตัว มาค้าขายกันไป 


จะมีบุคคลที่เกี่ยวข้องหลายคนในการระบายข้าว จะมีทั้งหมด 4 สัญญา สัญญาซึ่งเกิดขึ้นเมื่อปี 2556 ทั้ง 4 สัญญา มีลักษณะเป็นการแบ่งหน้าที่กันทำ ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับบริษัท สยามอินดิก้า ด้วย

                                  นิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการ ป.ป.ช.


เลขาธิการ ป.ป.ช. ระบุว่า เรารู้ดีว่าตั้งแต่โครงการทุจริตจำนำข้าว สยามอินดิก้า จะเข้ามามีบทบาทพอสมควรรวมทั้ง พ.ต.วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ ซึ่งเป็นตัวละครตัวหลัก เป็นคนๆ หนึ่ง ที่บทบาทในการเดินค้าขายข้าวต่างประเทศ เรื่องนี้มีการสอบปากคำบุคคลรวมทั้งได้ตรวจสอบสารต่างๆ แล้วก็ได้มีการแจ้งข้อกล่าวหาบุคคลที่เกี่ยวข้องไปแล้วพอสมควร แต่มนส่วนการสอบปากคำบุคคลสอบไป 90 ปาก ขอเอกสารจากหน่วยงานของรัฐ 42 หน่วยงาน ก็มีการกันพยานด้วย มีการแจ้งข้อหาไปแล้ว 52 ราย


สำหรับ คดีนี้ ป.ป.ช.มีกำหนดว่าจะชี้มูล และแจ้งข้อกล่าวหาได้ประมาณปลายปี 2564 แต่คดีล่าช้ามาจนถึงปลายปี 2565  


เลขาธิการคณะกรรมการป.ป.ช. ระบุว่า  หลังจากแจ้งข้อหาเสร็จเรียบร้อย ก็จะมีการประมวลเรื่องทั้งหมดสรุป มีการชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานว่าในการระบายข้าว มีการกระทำใครถูกใครผิดอย่างไร บุคคลที่เป็นตัวการ หรือร่วมเป็นตัวการ หรือเป็นผู้ใช้หรือผู้สนับสนุน 


“ถ้ามีมูลเป็นความผิดเนี่ยผิดอะไรยังไงบ้างในแต่ละกฎหมาย แต่ละมาตราความผิดตำแหน่งหน้าที่ รวมทั้งเอกชนผู้สนับสนุน แล้วก็บุคคลที่ให้ความร่วมมือ แล้วก็จะมีการนำเสนอคณะกรรมการป.ป.ช.ต่อไป” เลขาฯ ป.ป.ช.ระบุ


ส่วนจีทูจี คดีที่ 2 คดีระบายมันจีทูจี เกิดขึ้นในปี 2551 ยุครัฐบาล อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้ถูกกล่าวหาคนสำคัญ อาทิ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรี พรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ และ มนัส สร้อยพลอย อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ในขณะนั้น กับพวกกว่า 60 คน


คดีนี้สืบเนื่องจาก สำนักงานการผู้ตรวจเงินแผ่นดิน ร่วมกับ พนักงานสอบสวน กองบังคับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ  และคณะกรรมาธิการ กิจการองค์กรตามรัฐธรรมนูญและติดตามการบริหารงบประมาณ วุฒิสภา ส่งผลการสอบสวนมาให้กับ ป.ป.ช. เป็นผู้ตรวจสอบ


ป.ป.ช.รับไว้ และตั้งคณะกรรมไต่สวน โดยสรุปพฤติการณ์ คือ การซื้อขายแป้งมันสำปะหลังกับบริษัท China Marine Shipping Agency Lianyungang Co., Ltd ในราคาต่ำกว่าเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด รวมถึงบริษัท China Marine ไม่ใช่รัฐวิสาหกิจ ที่ได้รับการมอบอำนาจจากรัฐบาลจีน และวัตถุประสงค์ของบริษัท ไม่ได้ตั้งขึ้นมาเพื่อซื้อขายผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร จึงถือว่าไม่ใช่บริษัทที่มีอำนาจลงนามทำสัญญาในนามของประเทศจีน แต่อย่างใด

                               ไตรรงค์ สุวรรณคีรี อดีตรองนายกรัฐมนตรี


นอกจากนี้ ยังมีการโอนสิทธิการซื้อขาย “มันเส้นจีทูจี” ไปให้กับบริษัทเอกชนประเทศไทย เข้ามาดำเนินการซื้อขายแป้งมันสำปะหลังแทน อีกด้วย ยิ่งแสดงว่าไม่ใช่การซื้อขายแบบรัฐต่อรัฐ 


คดีระบายมันเส้นจีทูจี ใน “รัฐบาลอภิสิทธิ์” มีการแบ่งสัญญากันทำ 3 สัญญา สัญญาแรกกว่า 1,900 ล้านบาท สัญญาที่ 2 ประมาณ 1,500 ล้านบาท สัญญาที่ 3 ประมาณ 900 ล้านบาท รวมมูลค่ากว่า 4,300 ล้านบาท  


ป.ป.ช.เตรียมที่จะชี้มูลและแจ้งข้อกล่าวหาผู้ถูกกล่าวหา


เหตุผลที่คดีนี้ยืดเยื้อมาหลายปี เนื่องจากมีปัญหาการรวบรวมเอกสารหลักฐาน และการติดต่อขอหลักฐานจากต่างประเทศ 


คดีนี้ นิวัติไชย  เกษมมงคล เลขาธิการ ป.ป.ช. ระบุสาเหตุที่ไม่สามารถที่จะรวบรวมหลักฐานได้ทัน เนื่องจากคดีนี้ผ่านมานาน แต่ป.ป.ช.ก็ยืนยันว่าจะดำเนินการเรื่องโดยเร็ว  


"เรื่องมันเส้นจีทูจี ที่ไปเกี่ยวกับทาง คุณไตรรงค์ สุวรรณคีรี ตอนนั้นตำรงตำแหน่งรองนายกมนตรี คุณพรทิวา นาคาศัย ขณะนั้นดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ แล้วก็ทางอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ คุณมนัส สร้อยพลอย กรณีนี้ก็จะเป็นคล้ายๆ กับเรื่องการระบายข้าวกับจีน ก็คือระบายมันสำปะหลังแบบรัฐต่อรัฐ” 


เลขาฯ ป.ป.ช. ย้ำว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เป็นโครงการแทรกแซงตลาดมันสำปะหลังในปี 2551/2552 มีการไปเอาบริษัทจีน มาสวมตัวทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐคือ กระทรวงพาณิชย์ เป็นเหตุให้เกิดความเสียหาย เรื่องนี้ ก็จะมีทั้งหมด 3 สัญญา มีมูลค่าสูง เรื่องนี้ก็ได้มีการดำเนินการต่างๆ ตามการไต่สวนแล้ว"

                                “จีทูจี-จีทูเจี๊ยะ?” คดีฉาว ในรัฐบาลอภิสิทธิ์-ยิ่งลักษณ์
ส่วนคดีระบายมันเส้นจีทูจี คดีที่ 2 เกิดขึ้นในยุครัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โดย บุญทรง เตริยาภิรมย์ ยังนั่งเป็นรมว.พาณิชย์ ถูกกล่าวหาพร้อมกับพวกรวม 87 คน 


มีการทำสัญญาทั้งหมด 7 สัญญา รวมปริมาณ 4,700,000 ตัน มูลค่ากว่า 30,000 ล้านบาท 


คณะกรรมการไต่สวนของป.ป.ช. รวบรวมพยานหลักฐาน และมีการแจ้งข้อกล่าวหาแล้ว 71 ราย และป.ป.ช.เตรียมสรุปสำนวนเพื่อเสนอคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อชี้มูลความผิดภายในสิ้นเดือน พ.ย. หรือ อย่างช้าต้นเดือน ธ.ค.นี้ 


พฤติการณ์ คือ ในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ทำสัญญา ซื้อขายมันสำปะหลังและผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง รวม 7 สัญญา ปริมาณรวม 4,790,000 ตัน จำนวนเงินรวม 30,642 ล้านบาท แต่บริษัทที่เข้ามาทำสัญญาซื้อขายกับกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ในฐานะตัวแทนของราชอาณาจักรไทย ไม่ใช่บริษัทที่ได้รับมอบหมาย หรือ รับมอบอำนาจจากรัฐบาลจีน ให้เข้ามาทำสัญญาซื้อขายแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) 


การกระทำนี้ มีวัตถุประสงค์เอื้ออำนวย หรือ ช่วยเหลือให้บริษัทดังกล่าวได้เป็นผู้มีสิทธิทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐ โดยมุ่งหมาย หรือ หลีกเลี่ยงเพื่อไม่ให้มีการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม 

                            “จีทูจี-จีทูเจี๊ยะ?” คดีฉาว ในรัฐบาลอภิสิทธิ์-ยิ่งลักษณ์                             


ประกอบกับการพิจารณาให้ความเห็นชอบในเรื่องของราคาที่ซื้อขาย โดยราคาตามข้อเสนอของบริษัท ต่ำกว่าข้อเสนอของฝ่ายไทย เว้นแต่สัญญาที่ 2/2013 ซึ่งเสนอราคาเท่ากันทั้งฝ่ายไทย และฝ่ายจีน การกระทำนี้จึงก่อให้เกิดความเสียหายแก่กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ และประเทศชาติอย่างร้ายแรง


นิวัติไชย กล่าวว่า เป็นเรื่องกล่าวหา บุญทรง กับพวก 87 ราย สังเกตว่าจะมีกลุ่มพ่อค้าคนกลางกลุ่มบริษัทที่มาซื้อ กลุ่มบริหารจัดการ  ทำเป็นกระบวนการลักษณะแบบนี้เช่นเดียวกัน ก็คือ ซื้อขายมันสำปะหลัง และผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังแบบรัฐต่อรัฐเช่นเดียวกัน


“โครงการนี้มีทั้งสิ้น 7 สัญญา รวมทั้งหมด 4,700,000 ตัน วงเงินรวมทั้งสิ้นกว่า 30,000 ล้านบาท อันนี้เป็นเป็นโครงการในปี 2554 จำนวน 4 สัญญา แล้วก็ในแต่ละสัญญานี้ก็คือว่า เอาบริษัทจีนเข้ามาทำสัญญากับกระทรวงพาณิชย์ หรือ ประเทศไทย แนะนำรัฐบาลไทยในการระบายมันออกไป ส่วนบริษัทจีนเอาไปแล้วเอาไปขายใคร ได้มันไป อยู่ระหว่างการไต่สวน นอกจากนั้น ก็ยังมีโครงการในปี 2555 อีก 3 สัญญา อันนี้ก็เกี่ยวข้องกับทางคุณบุญทรง อยู่เหมือนกัน"


“โดยเรื่องนี้ไต่สวนพยานบุคคลไปประมาณกว่า 70 ปาก มีการขอทราบเอกสารหลักฐานจากหน่วยงานประมาณ 51 หน่วยงาน แล้วก็ได้มีการแจ้งข้อกล่าวหาไปแล้ว 71 ราย มีการชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาครบถ้วนแล้ว เรื่องนี้อาจจะเสร็จปลายปีนี้” เลขาธิการ ป.ป.ช. ระบุ


เร็ว ๆ นี้ จะได้รู้กันจากป.ป.ช.ว่า ทั้งคดี “ข้าวจีทูจี-มันเส้นจีทูจี” บทสรุปจะเป็นเช่นไร และมี “บิ๊กเนม” ใครบ้างถูกชี้มูลหรือไม่


หมายเหตุ: ผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมด ยังอยู่ระหว่างชั้นการพิจารณาของ ป.ป.ช. หากถูกชี้มูลความผิด ยังมีสิทธิต่อสู้คดีอีกทั้งในชั้นอัยการ และชั้นศาล จึงยังถือว่าทั้งหมดเป็นผู้บริสุทธิ์


ขอบคุณข้อมูล-ภาพประกอบจาก...ทีมข่าวสืบสวนความจริง เนชั่นทีวี