วันนี้ (7 ธ.ค.65) นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคสร้างอนาคตไทย โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงสภาพการเมืองวันนี้ว่าคือ การเมืองที่ประชาชนรู้สึกสับสนในใจ บางคนถามตนว่าเกิดอะไรขึ้น ตนจึงขอข้อสรุป 3 ข้อ
1. เป็นผลของความล้มเหลวในการปฏิรูปการเมือง
2. เกิดเป็นการเมืองที่ให้การยอมรับอำนาจและทุน
3. การขยับและเปลี่ยนจุดยืนทางการเมืองที่เห็นเวลานี้ เป็นผลจากทั้ง 2 ข้อข้างต้นครับ
ด้าน นายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม จะอยู่ถึงปี 2568 ว่า ถือเป็นความชัดเจนและเป็นสิทธิ์ของท่านที่จะอยู่กี่ปี แต่ประชาชนเขาคิดเองได้ หากถามว่าจะชนะได้หรือไม่ ส่วนตัวมองว่า คงไม่ได้ขึ้นอยู่กับจำนวนปี แต่ขึ้นอยู่กับประชาชนเขาจะทนได้กี่ปี และต้องถามว่าหากจะต้องอยู่แบบเดิมอีก 2 ปี เขาจะทนได้หรือไม่
สำหรับพรรคเพื่อไทย หากเราเสนอทางเลือกให้ประชาชน 2 ปีกับ 4 ปี และสามารถเสนอให้ประชาชนก้าวออกจากจุดเดิมได้ จึงเชื่อว่าประชาชนคิดเป็นว่าจะเลือกใคร
ส่วนกรณีถ้านายกฯ จะอยู่ถึงปี 2568 ในข้อเท็จจริงสามารถเป็นไปได้หรือไม่นั้น นายสุทิน กล่าวว่า หากนายกฯ สร้างความหวังใหม่ๆ ก็คงอยู่ได้ แต่ที่ผ่านมา 8 ปี ก็มีแต่เรื่องเดิมคนหน้าเดิม ชาวบ้านคงไม่เอาแล้ว จึงมั่นใจว่าชาวบ้านจะเลือกแนวทางใหม่
ส่วนกรณีที่ นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ เสนอตัวเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคพลังประชารัฐ นั้น คนคนเดียวเข้าไปแก้ปัญหาคนที่มีความคิดเดิมๆ ไม่ได้ ในทางตรงกันข้ามจะทำให้คนที่ไปจะเสียด้วย คนเก่งที่ไปอยู่ในวัฒนธรรมองค์กรที่ไม่ใช่ก็จะลดทอนความสามารถของเขาลงได้ แต่ถ้าวัฒนธรรมองค์กรดี แม้คนไม่เก่งก็ส่งเสริมให้เก่งได้
ส่วน นายมิ่งขวัญ ยังขายได้ในสนามเลือกตั้งใช่หรือไม่ นายสุทิน กล่าวว่า เคยตั้งพรรคมา 2 ครั้ง ถ้าคิดว่าขายได้คงขายเองทำเองแล้วไม่ไปร่วมกับพรรคพลังประชารัฐ และส่วนตัวมองว่าไม่น่ากลัว เพราะสามารถพิสูจน์ด้วยวิทยาศาสตร์ในหลายเรื่อง ทั้งโพล เสียงตอบรับ โดยมั่นใจประชาชนที่ได้รับความกดดันมา 8 ปี เชื่อว่าจะหาทางออกให้ได้ และพรรคเพื่อไทยได้เสนอทางออกให้แล้ว