“ยุบสภา”คืนอำนาจ “บิ๊กตู่” ปิดฉากการเมือง?

17 ธ.ค. 2565 | 02:30 น.

“ยุบสภา”คืนอำนาจ “บิ๊กตู่”ปิดฉากการเมือง? : สถานการณ์การเมืองตอนนี้อยู่ในภาวะ “อลวน อลเวง” จะยุบสภาคืนอำนาจให้ประชาชนไปเลือกตั้งใหม่เมื่อไหร่ก็ได้ ...วิเคราะห์การเมือง หนังสือพิมพ์ฐานเศรฐกิจ ฉบับ 3845

 

เหตุการณ์ “31 ส.ส.แห่ลาออก” เพื่อสังกัดพรรคการเมืองใหม่ เตรียมพร้อมสู้ศึกเลือกตั้งใหญ่ เหตุการณ์ “สภาล่มซ้ำซาก” ถึง 24 ครั้ง และ ส่อจะล่มอีก นำไปสู่การไม่มีความชอบธรรมของ “รัฐบาลบิ๊กตู่” ที่จะไปต่อ  

 

ขณะที่ “พรรคร่วมรัฐบาล” ก็เกิดความขัดแย้งกันขึ้นอย่างหนัก ปรากฏการณ์ต่าง ๆ เหล่านี้เป็นสัญญาณบีบที่จะนำไปสู่การ “ยุบสภา” คืนอำนาจให้ประชาชนเร็วขึ้นหรือไม่? เป็นสิ่งที่น่าจับตาอย่างยิ่งกับปฏิกิริยาของ “บิ๊กตู่-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นับแต่นี้ไป

 

โดยปรากฏการณ์ส.ส.แห่ลาออก ให้มีผลระหว่างวันที่ 13-14 ธ.ค.2565 ชัดเจนขึ้น เมื่อวันที่ 14 ธ.ค.2565 ที่ผ่านมา ข้อมูลจากสภาผู้แทนราษฎร มีส.ส.ลาออกเพื่อหาพรรคสังกัดใหม่ ณ ขณะนี้จำนวน 31 ราย จาก 9 พรรคการเมือง ประกอบด้วย  

 

31 ส.ส.แห่ลาออก

 

พรรคพลังประชารัฐ 11 คน ได้แก่ 1.นายจักรพันธ์ พรนิมิตร ส.ส.กทม. 2.นายกษิดิ์เดช ชุติมันต์ ส.ส.กทม. 3.น.ส.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ ส.ส.กทม. 4.นายมณเฑียร สงฆ์ประชา ส.ส.ชัยนาท 5.นายสัมฤทธิ์ แทนทรัพย์ ส.ส.ชัยภูมิ 6.นายปฐมพงศ์ สูญจันทร์ ส.ส.นครปฐม

 

7.นายกฤษณ์ แก้วอยู่ ส.ส.เพชรบุรี 8.นายอนุชา น้อยวงศ์ ส.ส.พิษณุโลก 9.นายประทวน สุทธิอํานวยเดช ส.ส.ลพบุรี กาญจนบุรี 10.นายธรรมวิชญ์ โพธิพิพิธ ส.ส.กาญจนบุรี 11.นายอัฎฐพล โพธิพิพิธ ส.ส.กาญจนบุรี


พรรคเพื่อไทย 7 คน ได้แก่ 1.นายธีระ ไตรสรณกุล ส.ส.ศรีสะเกษ 2.นายประเดิมชัย บุญช่วยเหลือ ส.ส.กทม. 3.นายนิยม ช่างพินิจ ส.ส.พิษณุโลก 4.นายจักรพรรดิ ไชยสาส์น ส.ส.อุดรธานี 5.นายวุฒิชัย กิตติธเนศวร ส.ส.นครนายก 6.นายสุชาติ ภิญโญ ส.ส.นครราชสีมา 7.นายนพ ชีวานันท์ส.ส.พระนครศรีอยุธยา 


พรรคก้าวไกล 5 คน ได้แก่ 1.นายขวัญเลิศ พานิชมาท ส.ส.ชลบุรี 2.นายเอกภพ เพียรพิเศษ ส.ส.เชียงราย 3.นายพีรเดช คําสมุทร ส.ส.เชียงราย 4.นายเกษมสันต์ มีทิพย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 5.นายคารม พลพรกลาง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเศรษฐกิจไทย 2คน ได้แก่ 1.นายธนัสถ์ ทวีเกื้อ กูลกิจ ส.ส.ตาก 2.นายธนะสิทธิ์ โควสุรัตน์ ส.ส.อุบลราชธานี 


พรรคชาติพัฒนา 1 คน ได้แก่ นายสมัคร ป้องวงษ์ ส.ส.สมุทรสาคร พรรคประชาภิวัฒน์ 1 คน ได้แก่ น.ส.นันทนา สงฆ์ประชา ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อชาติ 1 คน ได้แก่ นายอารี ไกรนรา ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมพลัง 1 คน ได้แก่ น.ส.อนุสรี ทับสุวรรณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 


พรรคประชาธิปัตย์ 1 คน ได้แก่ น.ส.แนน บุณย์ธิดา สมชัย อดีตส.ส.อุบลราชธานี ที่ลาออกไปก่อนหน้านี้ ให้มีผลในวันที่ 13 ธ.ค.2565 และ พรรคเสรีรวมไทย 1 คน ได้แก่ นายเดชทวี ศรีวิชัย อดีตส.ส.ลำปาง มีผลวันที่ 14 ธ.ค.2565


สภาเสียงปริ่มน้ำ    


ผลพวงจากการลาออกของ 31 ส.ส.ดังกล่าว ทำให้คงเหลือ ส.ส.ที่ปฏิบัติหน้าที่ในสภาฯ ได้ 442 คน

 

นายนิกร จำนง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติพัฒนา กล่าวถึงสัญญาณการเมืองที่เกิดขึ้นในขณะนี้ว่า เป็นจังหวะการเคลื่อนตัวและถึงเวลาที่ต้องดำเนินการทางการเมืองของพรรคการเมือง และนักการเมือง เพราะเป็นระยะเวลาที่เหลืออยู่ หลังจากที่กติกาเลือกตั้งมีความชัดเจน 

 

ทั้งนี้ จะทำให้สภาฯ มี “ภาวะปริ่มน้ำ” เพราะจากตัวเลข พบว่า มีส.ส.ฝ่ายรัฐบาล ลาออก 11 คน และฝ่ายค้าน 16 คน ทำให้ตัวเลข ส.ส.รัฐบาลมี 246 คน และส.ส.รัฐบาล 190 คน ซึ่งมากกว่าฝ่ายค้าน 56 เสียง หากสามารถประคองไปได้ เชื่อว่าจะผ่านไปได้


สภาส่อล่มได้ตลอด

 

สำหรับเสียงส.ส.ฝ่ายรัฐบาล ที่อยู่ในภาวะ “ปริ่มน้ำ” แน่นอนว่า มีโอกาสสูงที่เมื่อมีกฎหมายสำคัญเข้าสู่สภาแล้วจะทำให้เกิดปัญหาขึ้นได้ โดยขณะนี้มีร่างกฎหมายสำคัญของรัฐบาล รอผ่านการพิจารณา โดยเฉพาะ “ร่างพ.ร.บ.กัญชา กัญชง” ที่ “พรรคภูมิใจไทย” เสนอ ยังอยู่ในวาระพิจารณา ซึ่งต้องการเสียงโหวตของส.ส.ร่วมผลักดันให้ผ่าน  


หลังจากที่ก่อนหน้านี้ เจอกับเกมการเมืองในสภา ทั้งจาก พรรคประชาธิปัตย์ และ พรรคเพื่อไทย ที่ไม่เป็นด้วยกับ “กัญชาเสรี” และปลดล็อกจากการเป็น “ยาเสพติด” จนทำให้ร่างกฎหมายดังกล่าวถูกยื้อ จนค้างเติ่งมานานหลายเดือน

 

เมื่อส.ส.ลาออกไปจำนวนมาก ทำให้เสียงของ “ขั้วรัฐบาล” ถูกลดจำนวนลงไป อันจะส่งผลให้การควบคุมความได้เปรียบในสภาอยู่ในภาวะกระท่อนกระแท่น อาจนำไปสู่ “สภาล่มซ้ำซาก” หมดความชอบธรรมรัฐบาลที่จะบริหารประเทศต่อไปได้

                            “ยุบสภา”คืนอำนาจ “บิ๊กตู่” ปิดฉากการเมือง?


“บิ๋กตู่”ส่อยุติการเมือง


เมื่อวิเคราะห์ได้ว่า “บิ๊กตู่” อาจจะตัดสินใจ “ยุบสภา” เร็ว ไม่รอให้ครบเทอม ก็ทำให้มองต่อไปได้ว่า “บิ๊กตู่” อาจจะตัดสินใจ “วางมือการเมือง” เลยก็เป็นไปได้


เหตุเพราะคะแนนนิยมของ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้รุ่งเรือง เหมือนกับการเลือกตั้งในปี 2562 ที่ผ่านมา ขณะที่การทำงานในฐานะฝ่ายบริหารประเทศ ที่อยู่มาอย่างต่อเนื่องยาวนานกว่า 8 ปี ก็ย่อมทำให้ “คนเบื่อ” 


ครั้นจะ “ไปต่อ” ทางการเมือง ก็มีปัญหามากมาย โดยเฉพาะ “พรรครวมไทยสร้างชาติ” ที่มีข่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะใช้เป็นนั่งร้านเพื่อเดินต่อทางการเมือง ก็ถูกมองว่า มีภาพลักษณ์ กปปส. การทำพรรคก็ถูกมองว่าอาจจะได้ ส.ส.ไม่ถึง 25 ที่นั่ง ที่เพียงพอกับการเสนอชื่อ “แคนดิเดตนายกฯ” ในสภา จึงเป็นที่มาให้กลุ่มทุนที่จะสนับสนุน “ถอนตัว” หลังประเมินแล้วว่า โอกาสที่จะได้กลับมาเป็นรัฐบาลอีก “ต่ำ”


ขณะเดียวกัน หากคิดจะหวนคืนกลับไปอยู่กับ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ก็ลําบาก เหตุเพราะไม่อยู่ในแผนการทำพรรคของ พี่ใหญ่ป้อม- พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่วางโครงสร้างพรรคสำหรับสู้ศึกเลือกตั้ง โดยไร้ชื่อของ “พล.อ.ประยุทธ์”


...สถานการณ์การเมืองตอนนี้อยู่ในภาวะ “อลวน อลเวง” จะยุบสภาคืนอำนาจให้ประชาชนไปเลือกตั้งใหม่เมื่อไหร่ก็ได้ 

 

+++

 

พล.อ.ประยุทธ์ : ถึงเวลาพูดเอง

 

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง เมื่อวันที่ 15 ธ.ค.2565 ภายหลังกลับจากปฏิบัติภารกิจที่ประเทศเบลเยียม ถึงเรื่องทางการเมือง
“การเมือง คือ การเมือง การบ้าน คือ การบ้าน ประชาชน คือ การบ้านที่ผมต้องทำให้เขา การเมืองก็เป็นการต่อสู้ในสภาก็ว่ากันไป เมื่อเลือกตั้งมาแล้วท่านก็ไปดูเอาว่าที่พูดกันมา ที่ทำกันมา ทำได้มากน้อยเพียงใด ถึงเวลานั้นจะได้หรือไม่ได้ ถ้าได้ผมก็ดีใจ ถ้าไม่ได้ก็เสียใจเท่านั้นเอง 


คำว่าเสียใจ คือ ทำให้ประชาชนมีความสุขไม่ได้ ไม่ใช่ว่าเสียใจเพราะผมได้เป็น หรือ ไม่ได้เป็น เข้าใจนะ ฉะนั้น อย่าถามกันบ่อยนัก ใครจะไป ใครจะมา ใครจะลาออก ใครจะไปอยู่พรรคไหนก็เรื่องของเขา” 


พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า “เรื่องของสภา สภาไม่พอ สภาล่ม โทษนายกฯ ซึ่งผมก็บอกไปแล้ว สั่งทุกพรรคไปแล้วให้ไปร่วมประชุมสภา เขาก็ตอบรับว่าครับๆๆ ถึงเวลาไปไม่ครบ นายกฯ ทำไมไม่ควบคุม ผมไม่โทษใครผมไม่โกรธใครอยู่แล้ว แต่อยากให้ประชาชนเข้าใจว่า ทุกคนมีหน้าที่มีความรับผิดชอบ ซึ่งทุกคนบอกว่านายกฯ มีหน้าที่ มีความรับผิดชอบต้องดูแลบ้านเมือง 


ฉะนั้น ส.ส.ทุกคนก็มีหน้าที่ของตัวเองในการทำงานในสภา เป็นผู้ใหญ่แล้ว โตกันหมดแล้ว อีกเรื่องใครจะเข้าใครจะออกพรรคไหนก็เรื่องของท่าน ผมไม่เคยทะเลาะกับใครนะ โอเค เท่านี้แหละ" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว 


ผู้สื่อข่าวถามว่าแล้วเรื่องของนายกฯ ว่าอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์ ย้อนถามอย่างมีอารมณ์ว่า “แล้วอะไรอีกล่ะ” เมื่อถามว่ากระแสข่าวที่จะไปสังกัดพรรคใหม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยเสียงดังว่า “ก็อยู่กันถึงวันนี้ ยังไม่รู้เรื่องเลยหรือไง” 


เมื่อผู้สื่อข่าวพยายามที่จะถามคือความชัดเจนของนายกฯ พล.อ.ประยุทธ์ รีบกล่าวสวนทันทีว่า “คืออะไร” เมื่อสื่อบอกว่าอยากฟังจากปากของนายกฯ เอง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “คิดเอาเองบ้าง เพราะทุกทีเวลาคิดเอาเอง เขียนเอาเอง ยังคิดได้” 


เมื่อบอกว่าเรื่องนี้สำคัญจะให้สื่อคิดเอาเองไม่ได้ พล.อ.ประยุทธ์ เดินออกจากโพเดียม พร้อมกล่าวว่า “ถึงเวลาก็พูดเอง” เมื่อถามว่าแล้วเวลานั้นคือเวลาไหน พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ตอบ