คำต่อคำ “พล.อ.ประยุทธ์” เปิดใจไปต่อกับ “รวมไทยสร้างชาติ”

23 ธ.ค. 2565 | 05:32 น.
อัปเดตล่าสุด :23 ธ.ค. 2565 | 14:21 น.

ฟังคำสัมภาษณ์คำต่อคำ "พล.อ.ประยุทธ์" ประกาศชัดเจนแล้ววันนี้ ตัดสินใจร่วมพรรครวมไทยสร้างชาติ นั่งแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ฟังความในใจนายกฯ บอกอะไรบ้าง

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ประกาศความชัดเจนทางด้านการเมืองเป็นที่เรียบร้อยเช้านี้ หลังตัดสินใจเข้าเป็นสมาชิก พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) โดยจะเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียว เพื่อสู้ศึกการเลือกตั้ง เราไปฟังคำให้สัมภาษณ์ คำต่อคำกันว่า นายกฯ บอกความในใจอะไรบ้าง 

 

พล.อ.ประยุทธ์ เริ่มต้นว่า ที่ผ่านมาได้ติดตามความเคลื่อนไหวหลายพรรคมีการเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของแต่ละพรรค โดยได้พิจารณาจากหลักการ และเหตุผลต่าง ๆ วันนี้ทางพรรครวมไทยสร้างชาติได้ เสนอมาแล้วว่า ยินดีสนับสนุนตนเป็นนายกฯ ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป จึงจำเป็นต้องทำให้เกิดความชัดเจน มิฉะนั้นจะมีการวิพากษ์วิจารณ์ทำให้เกิดความเสียหายหลาย ๆ อย่าง 

 

“ผมเคยบอกแล้วว่า ผมได้รับการสนับสนุนจากพรรคพลังประชารัฐ แต่วันนี้ได้ตัดสินใจเสนอชื่อหัวหน้าพรรคเป็นนายกรัฐมนตรีไปแล้ว ผมจึงได้ตัดสินใจวันนี้ จริงๆ ก็ได้เตรียมการมาพอสมควรแล้ว ตัดสินใจมาอยู่กับรวมไทยสร้างชาติ จะได้สบายใจกัน แล้วแต่ว่าประชาชนจะให้การสนับสนุนอย่างไรต่อไป” 

 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง 

 

ภาพประกอบข่าว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

สำหรับสิ่งที่ทำให้ตัดสินใจแบบนี้ เพราะเห็นว่า สิ่งที่ได้ทำมาต่อเนื่องหลายปีน่าจะได้มีการสานต่อ ถ้าสามารถอยู่ได้ตามเวลาที่กำหนด ก็สามารถสานต่อสิ่งที่ค้างคา หรือสิ่งที่ยังไม่สำเร็จให้สำเร็จได้ หรือแก้ปัญหาที่มีอยู่ โดยตลอดเวลาที่ผ่านมาทั้ง 4 ปีแรก และเกือบ 4 ปีหลัง นายกรัฐมนตรีก็พยายามทำมาต่อเนื่อง 

 

ที่ผ่านมาก็ได้กำหนดนโยบายและดูแลทุกพื้นที่ ทุกพรรค เพราะแผนงานลงทุกจังหวัด และหลายจังหวัดก็ไม่มีส.ส.ของพรรคพลังประชารัฐ แต่ตนก็ลงพื้นที่ เพราะตนมองประชาชนเป็นหลัก สิ่งใดที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนก็นำเสนอเข้าครม. เพื่อจัดสรรงบประมาณลงไป โดยทำอย่างโปร่งใส และไม่ได้แสวงหาผลประโยชน์ใด ๆ ถือเป็นสิ่งที่ตนยึดมั่นมาโดยตลอด 

 

พล.อ.ประยุทธ์ ยอมรับว่า ในเรื่องนี้ได้คุยกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐไปหลายครั้งแล้ว จนสุดท้ายได้ตัดสินใจ และได้แจ้งให้พล.อ.ประวิตร ทราบ ซึ่งก็ไม่มีปัญหาอะไร ไม่มีความขัดแย้งอะไรทั้งสิ้น เพราะเป็นเรื่องทางการเมืองตามระบอบประชาธิปไตย 

 

ภาพประกอบข่าว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

ทั้งนี้ยังยืนยันว่า ความสัมพันธ์กับ พล.อ.ประวิตร ตอนนี้ยังคงเหมือนเดิม เพราะไม่ได้จากกันไปไหน ยังพูดคุยกันอยู่เหมือนเดิม เพราะความสัมพันธ์ของทหารกับทหารมันลึกซึ้งกว่า จบมาก็อยู่ในการดูแลของท่าน ตั้งแต่ผมจบมาท่านเป็นผู้บังคับบัญชาผมคนแรก ตั้งแต่จบจากนักเรียนนายร้อยไป รับราชการตั้งแต่ร้อยตรีอยู่ด้วยกันมาตลอดชีวิตรับราชการมาจนถึงวันนี้ 

 

“ความผูกพันธ์ตรงนี้ไม่มีใครลบล้างผมได้ ท่านเองก็รู้สึกเหมือนกัน ท่านก็ไม่ได้อะไร ผมก็บอกว่า ท่านก็ได้สบายใจ เพราะท่านก็มีแรงกดดันมากมายหลายประการด้วยกัน”

 

ส่วนการสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาตินั้น ยังไม่ระบุว่า จะสมัครอย่างเป็นทางการเมื่อใด และยังไม่คิดไปถึงการนั่งเป็นกรรมการบริหารพรรค เพราะตอนนี้ตนเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรครวมไทยสร้างชาติเพียงคนเดียว ส่วนหลังจาก 2 ปีจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ขออย่าเพิ่งไปถามตรงนั้น

 

ขณะที่อนาคตทางการเมืองจะยังจับมือทำงานร่วมกับพล.อ.ประวิตร ต่อไปหรือไม่ เชื่อว่า เป็นเรื่องของการเลือกตั้ง ซึ่งขึ้นอยู่กับผลการเลือกตั้ง และยังไม่ทราบว่า ใครจะได้รับเลือกตั้งเข้ามาบ้าง เมื่อถึงเวลานั้นก็เป็นการจับมือทำงานทางการเมือง ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน ใครสามารถรวบรวมคะแนนเสียงได้มากกว่าก็ได้จัดตั้งรัฐบาลเหมือนการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา

 

ภาพประกอบข่าว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

 

อย่างไรก็ดีในส่วนของครอบครัวเองก็สนับสนุนเต็มที่และเข้าใจในสิ่งที่ตนทำเพื่ออะไร ส่วนจะเป็นความท้าทายหรือไม่ เพราะต้องมาทำพรรคการเมืองเองนั้น ตอนนี้ก็มีหัวหน้าพรรคอยู่แล้ว แต่สิ่งสำคัญต้องหารือว่า สิ่งที่รัฐบาลได้ทำไว้ต้องมีการสานต่อไปสู่อนาคต มั่นคง และยั่งยืน และเป็นนโยบายที่ต้องทำได้จริง มีงบประมาณรองรับ 

 

“สิ่งสำคัญในการเลือกตั้งครั้งนี้ จะได้ใครเป็นนายกฯ เป็นเรื่องอนาคตไม่มีอะไรแน่นอน ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของประชาชน ซึ่งการเลือกตั้งครั้งนี้ เป็นการเลือกตั้งที่สำคัญที่สุด ขอให้ไตร่ตรองให้รอบคอบ วันนี้จำเป็นต้องพูด เพราะเกรงว่า ถ้าไม่พูดก็จะวิพากษ์วิจารณ์ไปเรื่อย ๆ ผมก็ตัดใจไปแล้ว อย่างไรก็ตามก็ขอบคุณพรรคพลังประชารัฐในการสนับสนุนผมเป็นนายกรัฐมนตรีครั้งที่ผ่านมา เราไม่ใช่ศัตรูกัน” 

 

ส่วนความชัดเจนของรัฐบาลว่าจะยังทำหน้าที่ต่อจนครบวาระ หรือมีการยุบสภาก่อนหรือไม่นั้น ที่ผ่านมาเคยบอกไปแล้วยังมีปัญหาหลายอย่างที่ยังต้องดำเนินการอยู่ เพราะฉะนั้นคงดูจังหวะเวลา แต่ก็เป็นไปตามกรอบกฎหมาย และคงมีการหารือกับพรรคการเมืองใหม่และพรรคร่วมรัฐบาลด้วย

 

“ขอเห็นใจประเทศของเรากันเองบ้าง ถ้าเราแตกแยกอยู่แบบนี้ ไม่มีอะไรดีขึ้นเลย วันนี้ผมจำเป็นต้องพูด เพราะผมดูแล้วมันแรงขึ้นทุกวัน ต้องค่อย ๆ ลดระดับตรงนี้ ลดอุณหภูมิตรงนี้ให้มากที่สุด เพื่อเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้ง เป็นการเลือกตั้งที่มีประสิทธิภาพ มีคุณภาพ ได้ส.ส.ที่ดี ๆ เข้ามา เมื่อได้ ส.ส.ที่ดีจะฟอร์มทีมจัดตั้งรัฐบาลได้ และได้นายกรัฐมนตรีที่ต้องการ”

 

คำต่อคำ “พล.อ.ประยุทธ์” เปิดใจไปต่อกับ “รวมไทยสร้างชาติ”