นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ เปิดเผยถึงการจ่ายเงินโครงการประกันรายได้ข้าว สำหรับเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 4 โดยราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงตามโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2565/66 งวดที่ 13 สำหรับเกษตรกรที่เก็บเกี่ยวระหว่างวันที่ 31 ธ.ค.65 - 6 ม.ค.66 ดังนี้
1) ข้าวเปลือกหอมมะลิ เกณฑ์กลางตันละ 14,022.95 บาท
2) ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ เกณฑ์กลางตันละ 13,510.36 บาท
3) ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี เกณฑ์กลางตันละ 11,008.74 บาท
4) ข้าวเปลือกเจ้า เกณฑ์กลางตันละ 9,798.11 บาท
5) ข้าวเปลือกเหนียว เกณฑ์กลางตันละ 12,491.98 บาท
สำหรับการชดเชยส่วนต่างระหว่างราคาประกันรายได้กับราคาเกณฑ์กลางอ้างอิง งวดที่ 13 ดังนี้
1) ข้าวเปลือกหอมมะลิ ได้รับชดเชยตันละ 977.05 บาท ได้รับชดเชยสูงสุดครัวเรือนละ 13,678.70 บาท
2) ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ได้รับชดเชยตันละ 489.64 บาท ได้รับชดเชยสูงสุดครัวเรือนละ 7,834.24 บาท
3) ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ไม่ต้องชดเชยเนื่องจากราคาเกณฑ์กลางสูงกว่าเป้าหมาย
4) ข้าวเปลือกเจ้า ได้รับชดเชยตันละ 201.89 บาท ได้รับชดเชยสูงสุดครัวเรือนละ 6,056.70 บาท
5) ข้าวเปลือกเหนียว ไม่ต้องชดเชยเนื่องจากราคาเกณฑ์กลางสูงกว่าเป้าหมาย
ทั้งนี้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จะโอนเงินเข้าบัญชีเกษตรกรโดยตรง ภายใน 3 วันทำการ หรือภายในวันที่ 11 ม.ค. 2566 โดยมีเกษตรกรได้รับชดเชยตามข้อมูลของกรมส่งเสริมการเกษตรงวดนี้ จำนวน 6,407 ครัวเรือน
“ประกันรายได้ประสบความสำเร็จอย่างยิ่ง เป็นที่มาของสโลแกนที่บอกว่าทำได้ไว ทำได้จริง ประสบผลสำเร็จภายในเวลาไม่ถึง 4-5 เดือน พอร่วมรัฐบาลสามารถจ่ายเงินส่วนต่างได้ทั้งข้าว มัน ยางปาล์ม ข้าวโพด และพืชผลเกษตรอื่นก็ดี ผลไม้จะมีมาตรการเชิงรุกตั้งแต่ต้นเหมือนที่ปีที่แล้วที่หลายฝ่ายกังวลว่าผลไม้จะราคาตกส่งออกไปจีนไม่ได้
สุดท้ายเราเข้าไปแก้ปัญหาตั้งแต่ต้น กำหนดมาตรการเชิงรุกแต่ต้นประสบความสำเร็จ ปีนี้ก็เหมือนกันตนมั่นใจ“ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กล่าว