เปิดคำสั่งเด้ง “ผกก.สน.ห้วยขวาง” เซ่นปมรีดเงินนักท่องเที่ยวชาวไต้หวัน

30 ม.ค. 2566 | 08:43 น.
อัปเดตล่าสุด :30 ม.ค. 2566 | 08:50 น.

ผบช.น.เซ็นคำสั่ง เด้ง “ผกก.สน.ห้วยขวาง” อ้างเหตุบกพร่องต่อหน้าที่ และกระทำผิดทางวินัย-อาญา หลังเกิดเหตุนักท่องเที่ยวชาวไต้หวันอ้างรีดเงิน ชี้หากปฏิบัติหน้าที่หน่วยเดิมอาจเป็นอุปสรรคต่อการสอบสวน-ยุ่งเหยิงพยาน

พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล(ผบช.น.) ได้ลงนามในคำสั่ง กองบัญชาการตำรวจนครบาล เรื่อง ข้าราชการตำรวจปฏิบัติราชการและรักษาราชการแทน โดยระบุว่า 

ด้วยปรากฏข้อมูลข่าวสาร พร้อมเผยแพร่ภาพวีดีโอทางสื่อสารมวลชนและสื่อสังคมออนไลน์(Social Media) ประกอบกับการได้รับรายงานเหตุกรณี พันตำรวจเอก ยิ่งยศ สุวรรณโณ ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลห้วยขวาง มีเหตุเป็นที่สงสัยว่าประพฤติบกพร่องต่อหน้าที่และกระทำความผิดทางวินัย หรือ อาญา หากปฏิบัติหน้าที่ในหน่วยงานเดิมอาจเป็นอุปสรรคต่อการสอบสวน หรืออาจยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานและก่อให้เกิดความเสียหายต่อทางราชการได้ 

เพื่อมิให้เกิดความเสียหายต่อทางราชการ ตลอดจนเพื่อให้การดำเนินการกรณีดังกล่าวของกองบัญชาการตำรวจนครบาล เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 66,92,105(3) และมาตรา179แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 ประกอบระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่าด้วยการสั่งให้ข้าราชการตำรวจไปปฏิบัติราชการภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2563 จึงให้ข้าราชการตำรวจปฏิบัติราชการและรักษาราชการแทน ดังนี้ 

1.พันตำรวจเอก ยิ่งยศ สุวรรณโณ ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลห้วยขวางปฏิบัติราชการที่ ศูนย์ปฏิบัติการกองบัญชาการตำรวจนครบาล โดยขาดจากการปฏิบัติหน้าที่ทางตำแหน่งเดิมเพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามที่ ผู้บังคับการอำนวยการ กองบัญชาการตำรวจนครบาล มอบหมาย 

2. พันตำรวจเอก สันทัด ลยางกูร รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 รักษาราชการแทนผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลห้วยขวาง
ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง

ก่อนหน้านั้น พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (โฆษก ตร.) เปิดเผยถึงความคืบหน้า กรณีนักท่องเที่ยวชาวไต้หวันอ้างถูกตำรวจเรียกรับเงิน ว่า พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้สั่งการด่วน ให้ ผบช.น. สั่งผกก.สน.ห้วยขวาง ช่วยราชการ หลังจากมีข้อมูลระบุตำรวจเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดกรณีนักท่องเที่ยวชาวไต้หวันถูกเรียกรับเงิน พร้อมกำชับ น.1 ดำเนินการตั้งกรรมการวินัยร้ายแรง และดำเนินคดีอาญาในส่วนของตำรวจที่กระทำความผิดในเหตุดังกล่าวทุกราย อย่างเด็ดขาด มิให้เป็นเยี่ยงอย่าง

โฆษก ตร. กล่าวว่า ผบ.ตร.ได้เน้นย้ำกำชับไปยังตำรวจนครบาลและตำรวจทุกพื้นที่ กรณีการตั้งด่านตรวจ จุดตรวจ จุดสกัด หรือการปฏิบัติหน้าที่ต่างๆ ต้องกระทำตามอำนาจหน้าที่ เกิดความโปร่งใส ตรวจสอบได้ ตามระเบียบแนวทางที่ ตร.ได้กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด ต้องไม่มีการเรียกรับผลประโยชน์ใดๆ อันมิชอบด้วยกฎหมายอย่างเด็ดขาด โดยให้ผู้บังคับบัญชาเพิ่มความเข้มในการตรวจตราการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ ไม่ให้เกิดพฤติกรรมในทางไม่ดี 

หากพบว่า พื้นที่ใดมีการกระทำความผิดซ้ำขึ้นอีก จะพิจารณาโทษถึงระดับหัวหน้าสถานีตำรวจ แต่ถ้าเกิดเป็นความผิดซ้ำซาก จะพิจารณาโทษถึงระดับผู้บังคับการ โดยจะดำเนินการเด็ดขาดทั้งทางวินัยอาญา และ ปกครอง