ตามที่มีกระแสข่าวนายอธิรัฐ รัตนเศรษฐรมช.คมนาคม ในฐานะปฏิบัติหน้าที่แทน รมว.คมนาคม จะเสนอ ครม. เพื่อขออนุมัติผลการคัดเลือกเอกชนโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์ - มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ที่มีบริษัททางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จํากัด (มหาชน) หรือ BEM เป็นผู้ได้รับการคัดเลือก
ซึ่งตามขั้นตอนเมื่อครม. อนุมัติเห็นชอบตามที่เสนอ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.) จะสามารถดำเนินการลงนามในสัญญากับBEM ได้ทันที
เรื่องนี้นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า การพิจารณาเรื่องใดก็ตามในที่ประชุม ครม.จะต้องมีการกลั่นกรองในแง่กฎหมายที่มีการสงสัยจนให้ได้ความชัดเจนและตกลงกันให้ได้ก่อนในส่วนของกระทรวงผู้นำเสนอเรื่อง แล้วจึงค่อยนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุม ครม.
นายสาธิต กล่าวว่า กรณีโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม มีประเด็น 2 เรื่อง คือ
1.มีความไม่แน่นอนจากกรณีมีผู้ไปยื่นเรื่องร้องต่อศาลปกครอง
และ2.หาก ครม.พิจารณาเรื่องที่ยังไม่มีความชัดเจนในข้อกฎหมายครม.อาจมีความเสี่ยงในการพิจารณาและตัดสินใจ
นอกจากนี้ ตนเห็นว่าเรื่องรถไฟฟ้าสายสีส้มหาก ครม.อนุมัติในเวลานี้ขณะที่ยังมีข้อสงสัยของสังคมว่าโครงการดังกล่าวยังมีปัญหาเรื่องความโปร่งใส ความสุจริต เรื่องผลประโยชน์ สิ่งเหล่านี้มีความสำคัญ และทำให้คิดว่าถ้าเรามีการอนุมัติในช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสม
ประชาชนไม่มีความเชื่อมั่น จะทำให้ ครม.ทั้งคณะ รวมถึงผู้ที่จะพิจารณาเรื่องดังกล่าวจะถูกตั้งข้อสงสัยจากประชาชน และหากเรื่องนี้เข้าสู่การพิจารณาครม.ในรูปของวาระจร จะทำให้ ครม.ตอบสังคมได้ยากเช่นกัน ดังนั้น จากเหตุผลทั้งหมดนี้ครม.จะต้องพิจารณาให้รอบคอบ
ส่วนตัวไม่เห็นด้วยกับการเสนอเรื่องรถไฟฟ้าสีส้มเข้าสู่ ครม.ในวันนี้ ตนยืนยันว่าจะเสนอความเห็นดังกล่าวต่อประชุมให้รับทราบ ส่วนรัฐมนตรีคนอื่นๆ จะเห็นเป็นอย่างไรตนไม่ทราบ แต่เชื่อว่าข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับรถไฟฟ้าสายสีส้มที่ออกมาจำนวนมากในเวลานี้สีมีอยู่แล้ว ตอนนี้มันมีความเคลือบแคลงสงสัยของประชาชน ความไม่ชัดเจนของข้อกฎหมาย และช่วงเวลา ถือเป็นประเด็นสำคัญที่ควรได้รับการพิจารณาให้ดี
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากยังมีการดึงดันนำเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุม ครม. เกรงว่าจะกลายเป็นสิ่งที่ติดตัวของผู้เข้าร่วมประชุม ครม.วันนี้หรือไม่ นายสาธิต กล่าวว่า ต้องแยกออกเป็น 2 เรื่อง ถ้าครม.อนุมัติโครงการดังกล่าวแล้วต่อมาศาลปกครองพิพากษาว่าการประมูลไม่ชอบด้วยกฎหมาย ครม.ที่เป็นผู้อนุมัติจะต้องมีปัญหาในเรื่องข้อกฎหมาย ขณะเดียวกัน ยังมีข้อสงสัยของสังคม
ส่วนกรณีที่ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊คเตือน ครม.ว่า หากพิจารณาวาระนี้เป็นการทิ้งทวน จะเหมือนขาเข้าคุกข้างหนึ่ง นายสาธิต กล่าวว่า นั่นเป็นข้อมูลด้านหนึ่งที่สังคมและประชาชนให้ข้อคิด แม้จะไม่ใช่ข้อมูลทั้งหมดแต่เป็นเรื่องที่มีความสำคัญที่ ครม.ต้องนำมาพิจารณาด้วย เพราะครม.มาจากนักการเมือง
นักการเมืองต้องฟังเสียงของประชาชน แต่ถ้ามั่นใจว่าทำถูกต้องก็ทำได้ แต่ถ้าเรื่องนี้ยังไม่มีความชัดเจนในข้อกฎหมายก็ไม่ควรลงมติให้ความเห็นชอบ ซึ่งส่วนตัวจะลงมติไม่เห็นด้วย ถ้าใครลงมติเห็นชอบก็ไปรับผิดชอบทางกฎหมายต่อไป