ดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า ปัจจุบันนี้ความเจริญก้าวหน้าในการพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี นวัตกรรมไปอย่างรวดเร็ว ไม่หยุดยั้ง จนอาจไม่รู้ว่าโลกที่เราอยู่ในปัจจุบันนี้เป็นโลกใบเดิมหรือเปล่า
เพราะฉะนั้นคนไทยต้องเตรียมความพร้อมเพื่อจะอยู่ให้รู้เท่าทันกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างมากมายนี้ จำเป็นต้องสร้างภูมิคุ้มกันให้เด็กไทย โดยทำระบบการศึกษาเพื่อจะพัฒนาคน ด้วยวิทยาศาสตร์และ CODING ซึ่งปัจจุบันสังคมไทยได้ตระหนักและรับรู้ถึงความสำคัญและความจำเป็นที่เด็กไทย และคนไทยทุกคนต้องมีความรู้ มีภูมิคุ้มกันด้วยวิทยาศาสตร์และ CODING เพื่อรับมือและเผชิญหน้ากับโลกในยุคดิจิทัลแล้ว
อย่างไรก็ตาม นอกจากการสร้างภูมิคุ้มกันให้คนไทยแล้ว ต้องสร้างการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนด้วยเพื่อขับเคลื่อนประเทศไทย พัฒนาคนไทยให้ไปสู่ระดับโลกได้ โดยต้องให้ความสำคัญไปที่ THAI / TECH / TEEN หรือ T-WAVE โดย THAI หมายถึง คนไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก ศักยภาพคนไทย ไม่ด้อยไปกว่าชนชาติอื่น
ต้องสร้างเครือข่ายชวนคนไทยเก่ง ๆ มาร่วมแบ่งปันประสบการณ์ความรู้ สร้างแรงบันดาลใจ สร้างค่านิยมที่ถูกต้อง ไม่ใช่แค่ภูมิใจที่เกิดเป็นคนไทย แต่ต้องมั่นใจในศักยภาพของตัวเองที่จะสามารถแข่งขันได้ในเวทีสากล
ส่วน TECH หมายถึง การใช้เทคโนโลยีขับเคลื่อนความรู้ เทคโนโลยีจะเป็นสิ่งที่ลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาได้ และพัฒนาให้คนไทยพร้อมเผชิญการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีใหม่ๆ
และ TEEN หมายถึง พัฒนาเด็กไทยให้เต็มศักยภาพ การศึกษาวันนี้จะเป็นสิ่งที่ขับเคลื่อนประเทศ การเรียนต่อจากนี้ไปต้องสอดคล้องกับการศึกษาโลก นั่นคือ ต่อจากนี้ไปการเรียนต้องสนุก ระหว่างเรียนต้องมีรายได้ จบแล้วมีงานทำ เป็นผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่ทันสมัย และมีคุณภาพชีวิตดีขึ้น แข่งขันกับเวทีโลกได้
ดร.คุณหญิงกัลยา กล่าวต่อว่า ตนได้เป็นผู้ริเริ่มและขับเคลื่อนกลุ่ม T-WAVE ร่วมกับ ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ด้วยเป้าหมายที่ต้องการสร้างคนไทย ยกระดับคนไทย การศึกษาไทย ให้มีคุณภาพ และแข่งขันได้ในระดับโลกไม่ว่าด้านไหน เราจะทำการศึกษาไทย พัฒนาเด็กไทย ศักยภาพของเด็กไทยให้ไปถึงระดับโลก
เพราะการศึกษาคุมทุกอย่างทั้งเศรษฐกิจ การเมือง สังคม เพราะฉะนั้น T-WAVE จะเป็นคลื่นลูกใหม่ที่มีพลัง ถึงเวลาแล้วที่ทุกคนต้องมารวมกันทำให้เกิดแรงกระเพื่อมเพื่อขับเคลื่อนสังคมไทยให้ไปไกลถึงระดับโลก ยกตัวอย่างเช่นการผลักดัน Soft Power ของไทยที่โดดเด่นทั้งทางด้านอาหาร ศิลปะวัฒนธรรม หากใช้หลักการของ T-Wave มาช่วยขับเคลื่อนก็จะเดินหน้าไปได้ไกลไม่แพ้ต่างชาติ
“ต่างชาติวันนี้มี K-Wave หรือกระแสเกาหลีที่โดดเด่นด้านวัฒนธรรม ในขณะที่ประเทศไทยก็มี Soft Power หลายด้านที่โดดเด่นไม่แพ้กัน หากได้รับการผลักดันจึงเชื่อว่าจะเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างมูลค่าให้กับเศรษฐกิจไทยได้
จึงอยากเชิญชวนทุก ๆ คน ทั้งเด็กในวันนี้ ผู้ใหญ่ในวันนี้ จับมือกันเดินไปข้างหน้า เปลี่ยนเวลาที่ท้อให้เป็นเวลาที่ทำ ปฏิรูปไปสู่การปฏิบัติ เปลี่ยนเวลาที่รบเป็นเวลาที่รักกัน เปลี่ยนเวลาที่รอให้มาเริ่มและร่วมผลักดัน T-WAVE ไปข้างหน้าด้วยกัน ขอให้เราช่วยกันสร้างยุคสมัยที่เป็นความหวังของอนาคตลูกหลานเราให้ไปสู่ระดับโลกให้ได้” ดร.คุณหญิงกัลยา กล่าว