ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ห้องประชุมปรีดี พนมยงค์ อาคารเฉลิมพระเกียรติ ชั้น 6 มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ เดลินิวส์ ร่วมกับ คณะนิเทศศาสตร์ และสำนักกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ จัดเวทีประชันนโยบายพรรคการเมืองเพื่อคนรุ่นใหม่ หัวข้อ “New Voter เกมอนาคตกำหนดได้” #ReadySetGo เวทีดีเบตเพื่อคนรุ่นใหม่ที่มีสิทธิเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 26 เม.ย. ที่ผ่านมา โดยมี 9 พรรคการเมือง ส่งตัวแทนผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการศึกษาและคนรุ่นใหม่เข้าร่วมเวทีประชันวิสัยทัศน์
นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี รองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า หนึ่งในผู้ร่วมประชันวิสัยทัศน์บนเวที ได้ตอบคำถามจากนักศึกษา ที่ถามว่า กรณีที่ค่าไฟแพง หากได้เป็นรัฐบาลจะมีนโยบายในการแก้ไขปัญหาอย่างไร อีกทั้งยังมีโรงงานเอกชนจำนวนเยอะมากเกินความจำเป็น จะมีแนวทางอย่างไรบ้างนั้น
นายอรรถวิชช์ ตอบคำถามว่า “ค่าไฟแพง หรือค่าไฟสำรองนั้น ปกติการเก็บค่าไฟสำรองจะอยู่ที่ 15% แต่ประเทศไทยสำรองไว้เกือบ 60% และที่สำรองเกิน ก็เพราะเกรงกลัวนายทุน และถึงแม้จะมีการเซ็นเกินมาเยอะในสมัยคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ก็ทราบในเรื่องนี้ว่าเกิน แต่ก็ยังมีการเซ็นเพิ่ม ถ้าน้องนักศึกษาได้รับชมมาร์เวล (Marvels) จะรู้ว่าใครคือ ธานอสตัวจริง”
ดังนั้น สิ่งที่ต้องทำตอนนี้คือ ตั้งกองทุนโซลาร์รูฟท็อป ติดตั้งประมาณ 200,000 กว่าบาท โดยผ่อนจากเงินที่ค่าไฟมันลดลง และถ้าค่าไฟ 3,000 บาท ก็เอาค่าไฟที่ลดลงมาเป็นตัวผ่อนดอกเบี้ย 0% รวมถึงจะทำให้ภาคประชาชนสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าเองได้
"รัฐบาลที่ผ่านมา ไม่เคยมีการทำโซลาร์รูฟท็อป และไม่เคยมองเห็นศักยภาพที่แท้จริงว่า ภาคประชาชนสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าจากหลังคาบ้านตัวเองได้ เพราะมีแต่นำเงินไปให้คนรวย ที่รวยแล้วก็รวยทุกวัน
แต่ถ้าประชาชนผลิตไฟฟ้า หรือโซลาร์รูฟท็อปเองได้ สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือ สัดส่วนภาคประชาชนจะเข้าไปเบียด ความยั่งยืนทางพลังงานจะเกิด เพราะพลังงานแสงอาทิตย์ถูกลง และในช่วงหน้าร้อนจะต้องมีการลดค่าไฟ (ค่า Ft) ทันที 90 สตางค์" นายอรรถวิชช์ ระบุ