วันนี้ (19 พ.ค.66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีมีการยื่นคำร้องให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เร่งตรวจสอบ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ว่าที่นายกรัฐมนตรี ว่า มีลักษณะต้องห้ามในการลงสมัครรับเลือกตั้งส.ส. ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 98 ( 3) จากการมีชื่อถือครองหุ้นบริษัท ไอทีวี จำกัด จำนวนกว่า 42,000 หุ้นหรือไม่
โดยต้องการให้ กกต. ดำเนินการเรื่องนี้ให้ชัดเจนก่อน นายพิธา ได้รับการโหวตเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น มีรายงานว่า สำนักงาน กกต. ได้มีการพิจารณาข้อกฎหมาย แล้วเห็นว่า ตามพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. 2561 มาตรา 61 กำหนดเฉพาะก่อนวันเลือกตั้งเท่านั้น
ที่หาก กกต. เห็นว่าผู้สมัครของพรรคการเมืองใด ไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง เนื่องจากขาดคุณสมบัติ หรือ มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งให้ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกา ให้ถอนชื่อผู้นั้น ออกจากประกาศรายชื่อผู้สมัคร
แต่ขณะนี้เป็นช่วงหลังวันเลือกตั้ง และก่อนประกาศผลการเลือกตั้ง กฎหมายไม่ได้เปิดช่องให้ กกต.ดำเนินการส่งเรื่องนี้ไปให้ศาลใดพิจารณา หากดำเนินการสืบสวนสอบสวนเรื่องดังกล่าวแล้วเสร็จ
ขณะที่รัฐธรรมนูญมาตรา 82 วรรคท้าย ได้บัญญัติไว้ว่า กรณี กกต.เห็นว่าสมาชิกภาพของ ส.ส. หรือ สมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.) คนใดคนหนึ่งมีเหตุสิ้นสุดลง ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 101 (6) เนื่องจากมีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญมาตรา 98 ให้ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยได้ด้วย
ดังนั้น ช่องทางที่ กกต. จะดำเนินการเรื่องนี้หากมีมติว่า นายพิธา มีลักษณะต้องห้ามในการลงสมัครส.ส.ได้ จะต้องเป็นหลังกกต.ประกาศรับรองนายพิธา เป็น ส.ส.แล้ว ระหว่างนี้การดำเนินการกับคำร้องดังกล่าว จึงเป็นขั้นตอนของการรวบรวมพยานหลักฐาน สืบสวนสอบสวนตามขั้นตอนของระเบียบกกต.ว่าด้วยการสืบสวนและไต่สวน