นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณี กกต.มีมติไม่รับ 3 คำร้องกรณี นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี มีคุณสมบัติลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ ในการสมัครรับเลือกตั้ง จากเหตุการณ์ถือหุ้นไอทีวี แต่ให้รับเรื่องไว้พิจารณาตาม มาตรา 151 พ.ร.ป.เลือกตั้ง ส.ส.ว่า นายพิธา รู้อยู่แล้วเรื่องการขาดคุณสมบัติเป็น ส.ส. และนายกรัฐมนตรี ต้องห้ามตามมาตรา 98(3 ) และขัดรัฐธรรมนูญ ตามมาตรา 160 เพราะถือหุ้นสื่อไอทีวี
แต่ศาลปกครองต้องวินิจฉัยว่า การที่ไอทีวีดำเนินการร้องกับหน่วยงานรัฐว่า การยกเลิกไอทีวีไม่ชอบธรรม ต้องไปดูคำสั่งศาล หุ้นไอทีวีไม่ใช่การฟื้นคืนชีพ แต่มีการร้องเรียนมาตั้งแต่ต้น รัฐธรรมนุญก็วางหลักชัดเจนว่าตราบใดยังไม่มีคำสั่งศาล ผู้นั้นยังเป็นผู้บริสุทธิ์
หมายความว่า ไอทีวีเป็นนิติบุคคล การถูกสั่งให้ปิดชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ แต่หลักฐานที่ส่งไป กกต.นั้น มีการรับรองของผู้ถือหุ้นว่าไอทีวี ประกอบกิจการสื่อหรือไม่ เรื่องนี้ไม่ใช่การกลั่นแกล้ง เพราะกฎหมายเขียนมาก่อนตั้งแต่ นายพิธา สมัคร ส.ส.แล้ว
“อย่าว่าแต่ 42,000 หุ้นเลยครับ แค่หุ้นเดียวก็ผิดแล้วครับ คนไม่รู้กฎหมายอาจไม่เข้าใจ เรื่องนี้ไม่ได้กลั่นแกล้ง คุณพิธา แม้แต่น้อย เพราะรัฐธรรมนูญปี 60 เขียนก่อนคุณพิธา จะสมัครเป็น ส.ส.ด้วยซ้ำ ก่อนคุณพิธาจะสมัครเป็นนายกฯ ฉะนั้น คุณพิธา รู้อยู่แล้วว่า ขาดคุณสมบัติ แต่เลือกไม่พูดประเด็นนี้ เหตุการณ์นี้ไม่มีใครกลั่นแกล้งคุณพิธา คุณพิธาทำตัวเองครับ”
นายสามารถ ย้ำว่า กกต.ก็ต้องทำตามอำนาจ ตามมาตรา 151 ซึ่งในมาตรานี้ ระบุชัดว่า ผู้ใดรู้อยู่แล้วว่าไม่มีสิทธิ์ สมัครรับเลือกตั้ง เนื่องจากขาดคุณสมบัติ ต้องห้ามในการสมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ระวางโทษจำคุก 1-10 ปี และปรับ 20,000-200,000 บาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิรับเลือกตั้ง 20 ปี หากเป็น ส.ส.ก็ต้อง คืนเงินประจำตำแหน่ง รวมถึงประโยชน์ที่ได้จากตำแหน่งดังกล่าว
ตั้งแต่นายพิธา เป็น ส.ส.ตั้งแต่ ปี 2562 ซึ่ง กกต.สามารถดำเนินการได้เลย แต่หาก กกต. รับรองให้นาย พิธา เป็น ส.ส.แล้ว ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 กำหนดไว้ว่า ส.ส. จำนวน 50 คน หรือ ส.ว. จำนวน 25 คน หรือแม่แต่หน่วยงานอย่าง กกต ก็สามารถยื่นคำร้องกรณี นายพิธา ต่อศาลรัฐธรรมนูญได้อีกด้วย
“การเป็น ส.ส.ของ คุณพิธา นั้น มีคุณสมบัติหรือไม่ ถ้าไม่มีศาลก็เพิกถอนได้ ไม่ใช่แค่ ส.ส. หรือ ส.ว. หน่วยงาน กกต ก็สามารถยื่นเรื่องนี้ได้ เรื่องนี้ไม่มีใครกลั่นแกล้ง เพียงแต่ คุณพิธา ทำตัวของคุณพิธาเอง อย่าลืมว่า พ.ร.บ.เลือกตั้ง ใน ม.54 กรณีสงสัยว่า คุณพิธา ขาดคุณสมบัติหลังเลือกตั้ง ก็สามารถยื่นศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยได้ และยังส่งฟ้องอาญาอีกรอบได้ด้วย”
ในกรณีที่ คำร้อง 3 ผู้ร้อง ที่ถูกตีตกไปหมดเนื่องจากเป็นคำร้องให้วินิจฉัยลักษณะต้องห้ามของ “ผู้สมัคร” ซึ่งยื่นเกิน 7 วันนับแต่ประกาศชื่อ ซึ่งมัน ขัดระเบียบ กกต ว่าด้วยการ เลือกตั้ง.สส ข้อ 115 ตอนนี้นักร้อง 3 คนชวดหมด แต่อาจจะมีผู้ร้องรายใหม่ ยื่นตามมาตรา 151 เมื่อได้รับรอง คุณพิธา เป็น ส.ส.แล้ว แต่ต้องเปลี่ยนเป็นขอให้วินิจฉัยลักษณะต้องห้ามของ ส.ส. เพื่อส่งศาล รัฐธรรมนูญให้วินิจฉัย ตามมาตรา 82 วรรคสี่ ซึ่งถ้าไม่มีผู้ร้อง กกต. ก็หยิบยกขึ้นดำเนินการได้เองในฐานะ “มีความปรากฏ”
“ดังนั้น คุณพิธา ไม่น่ารอด ถ้าศาลพิจารณาเรื่องหุ้นสื่อแล้วปรากฏว่า itv ยังประกอบกิจการอยู่ เรื่องนี้ไม่ต้องโทษใคร ผมเองก็มั่นใจว่า คุณพิธา ก็อยากให้เป็นแบบนั้น ตามแผนกระเบื้องล่อหยก เพราะรู้ว่ารอบนี้ไม่มีคุณสมบัติเป็นนายกรัฐมนตรี” นายสามารถ กล่าวทิ้งท้าย