7 กรกฎาคม 2566 นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะเลขาธิการพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้พรรคร่วมรัฐบาลยังมั่นใจว่าชื่อของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจะได้รับเลือกตั้งแต่รอบแรก
ตามที่มติของ 8 พรรคร่วมรัฐบาลจะสนับสนุนนายพิธาเป็นนายกรัฐมนตรี ทั้งนี้ จากการฟังพรรคก้าวไกลแล้วมั่นใจว่า ส.ว.ส่วนใหญ่สนับสนุนนายพิธา
ในเงื่อนไขมาตรา 112 ของ ส.ว. เพื่อปิดข้ออ้างให้นายพิธา เป็นนายกฯ นั้น นายประเสริฐ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ทางพรรคก้าวไกลต้องพิจารณา ส่วนกรณีนายกรัฐมนตรีเป็นเรื่องที่พรรคก้าวไกลต้องไปปรับกลยุทธ์
ส่วนกรณี ส.ว. เสนอกติกาให้ปัดตกชื่อแคนดิเดตนายกฯ ที่ได้เสียงโหวตไม่ผ่านเกณฑ์รอบแรกนั้นเป็นความเห็นของ ส.ว.เพียงส่วนหนึ่ง ไม่ใช่มติของ ส.ว. ซึ่งการปัดตกรอบแรกนั้นขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของประธานรัฐสภาและสมาชิก
ทั้งนี้ ต้องดูองค์ประกอบหลายอย่างอาจไม่ถึงขั้นดำเนินการตามที่เสนอให้ความเห็น ส่วนการส่งชื่อแคนดิเดตนายกฯ ซ้ำ ตนเข้าใจว่า ประธานรัฐสภานำเข้าที่ประชุมได้เลย
อย่างไรก็ดี ในการตัดสินใจว่า จะนัดประชุมเพื่อโหวตเลือกใหม่อีกกี่ครั้งนั้น ตนมองว่า เป็นเรื่องของประธานรัฐสภาที่จะใช้กำหนดหรือวินิจฉัย
ส่วนการเสนอชื่อนายพิธาโหวตเป็นนายกฯ จะมีกี่ครั้งนั้นไม่ใช่เรื่องของพรรคเพื่อไทยเพราะแกนนำ 8 พรรคต้องมาคุยกัน เพราะเราเดินไปไหน ไปด้วยกัน
นายประเสริฐ กล่าวยืนยันว่า ไม่มีแผนสำรองหากในรอบแรกโหวตไม่ผ่านก็คงต้องกลับมาคุยกันอีกครั้ง
สำหรับข้อกังวลว่าพรรคขั้วรัฐบาลเก่าอาจเสนอชื่อแคนดิเดทนายกฯ แข่ง นายประเสริฐ กล่าวว่า หากฟังจากการให้สัมภาษณ์ของพรรครวมไทยสร้างชาติและพรรคภูมิใจไทย เห็นชัดว่าไม่สนับสนุนรัฐบาลเสียงข้างน้อยซึ่งเรื่องนี้ก็เบาใจได้ระดับหนึ่งแต่การเมืองก็เกิดอะไรขึ้นได้จึงเป็นเรื่องที่แกนนำทั้ง 8 พรรคร่วมต้องประเมินสถานการณ์ให้ดี
ส่วนกระแสงูเห่า ตนยังไม่ทราบแต่ขอยืนยันว่า ในส่วนของพรรคเพื่อไทยไม่มี และในวันโหวตนายกฯ จะกำชับไปยังส.ส.แต่ละคน รวมถึงวิธีการโหวตก็เป็นในทางที่เปิดเผยไม่ได้เป็นในทางลับ จึงเชื่อว่างูเห่าจะไม่กล้า หากใครทำเท่ากับฆ่าตัวเอง
พร้อมเชื่อว่าคงไม่เดินทางไปสู่การตั้งรัฐบาลแห่งชาติ โดยเชื่อว่าสุดท้ายแล้วประเทศมีทางออก การเป็นรัฐบาลแห่งชาติ หากไม่มีฝ่ายค้านก็ไม่มีอำนาจถ่วงดุล ซึ่งไม่เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย จึงเชื่อว่าสมาชิกรัฐสภาจะใช้ดุลพินิจในการตัดสินเรื่องนี้ได้