การประชุมรัฐสภาวาระ โหวตเลือกนายกรัฐมนตรี วันที่ 13 กรกฏาคม 2566 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ต้องการเสียงสนับสนุน 376 เสียง จากสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา เพื่อก้าวสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย
ขณะนี้นายพิธาได้รวบรวมคะแนนเสียงจาก 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลรัฐบาล ได้ 312 เสียง ประกอบด้วย พรรคก้าวไกล พรรคเพื่อไทย พรรคประชาชาติ พรรคไทยสร้างไทย พรรคเพื่อไทรวมพลัง พรรคเสรีรวมไทย พรรคเป็นธรรม และพรรคพลังสังคมใหม่ เท่ากับพรรคก้าวไกล และพันธมิตรต้องหาเสียงจากวุฒิสภาหรือ ส.ว.สนับสนุนในการโหวตเลือกนายกฯ อีกอย่างน้อย 64- 65 เสียง เพื่อให้นายพิธาได้เป็นนายกรัฐมนตรี
แม้ว่าตอนนี้จะมี ส.ว. จำนวนหนึ่งแสดงจุดยืนสนับสนุนนายพิธา ตามหลักการเสียงข้างมากที่มาจากการเลือกตั้ง เช่น นายวันชัย สอนศิริ, นพ.อำพล จินดาวัฒนะ, นายวุฒิพันธุ์ วิชัยรัตน์ , นายมณเฑียร บุญตัน นพ.นพดล ปิ่นประทีป นางประภาศรี สุฉันทบุตร ฯลฯ แต่ยังไม่ถึงเป้าหมาย 65 เสียง
แต่การโหวตเลือกนายกฯครั้งนี้ ส.ว.เองก็แบ่งเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้
กลุ่มที่ 1 เป็นกลุ่มใหญ่ 90% จะลงมติงดออกเสียง
กลุ่มที่ 2 สนับสนุนนายพิธา เป็นนายกฯ กลุ่มนี้คาดว่ามี 5-10เสียง
กลุ่มที่ 3 ออกเสียงไม่สนับสนุนนายพิธาชัดเจน
ขณะที่การประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา ที่มี นายเสรี สุวรรณภานนท์ ส.ว. เป็นประธานกมธ.ฯ ได้หารือกันเมื่อ 10 กรกฎาคม 2566 เพื่อประเมินสถานการณ์และการโหวตเลือกนายกฯ พิจารณาและเห็นว่า ชื่อของนายพิธา ที่ไม่ได้รับเสียงเห็นชอบจากกรัฐสภาตามเกณฑ์ 376 เสียง จะไม่สามารถเสนอซ้ำอีกในการโหวตครั้งที่ 2
กมธ.อ้างถึงข้อบังคับการประชุมร่วมรัฐสภา ข้อ 41 ที่ระบุว่า ญัตติใดที่เสนอที่ประชุมรัฐสภา หากไม่ได้รับความเห็นชอบถือว่าตกไป และห้ามนำญัตติซึ่งมีหลักกการเดียวกันขึ้นเสนออีกในสมัยประชุมเดียวกัน เว้นแต่ญัตติที่ประธานรัฐสภาจะอนุญาต เมื่อพิจารณาเห็นว่าเหตุการณ์ได้เปลี่ยนแปลงไป ดังนั้นกมธ.น จึงมองว่า กรณีที่รอบแรก นายพิธาไม่ได้รับเลือกเป็นนายกฯ จากรัฐสภา จะไม่สามารถเสนอชื่ออีกในการโหวตครั้งที่ 2
นายเสรี ระบุว่า กมธ. ได้หารือด้วยว่า หากมีคนเสนอชื่อนายพิธา กลับมาอีกในการโหวตรอบ 2 ที่นัดหมายในวันที่ 19 กรกฎาคม จะมีส.ว.กลุ่มหนึ่งจะแสดงความเห็นคัดค้านกับที่ประชุมรัฐสภา โดยอ้างอิงข้อบังคับการประชุมรัฐสภา ข้อที่ 41หากประธานรัฐสภา ยังยืนยันให้เสนอชื่อนายพิธาได้ ต้องรับผิดชอบในกรณีที่มีผู้ยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้ตีความข้อบังคับการประชุมรัฐสภาข้อ 41 เพื่อให้เป็นเงื่อนไขว่า ประธานรัฐสภาใช้ดุลยพินิจของตนเอง หรือใช้การลงมติของที่ประชุมรัฐสภาตัดสิน
ต้องจับตาว่าวันที่ 19 กรกฏาคม ซึ่งจะนัดเลือกนายกฯ รอบ2 จะมีผู้เสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ จากพรรคการเมืองอื่น แข่งขันกับนายพิธาหรือไม่มี