เรื่องด่วนวาระร้อนทางการเมืองเวลานี้หนีไม่พ้นกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยกรณีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกฯ พรรคก้าวไกลขาดคุณสมบัติในวันรับสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. จากกรณีถือหุ้นไอทีวี จำนวน 42,000 หุ้น
ความคืบหน้าล่าสุด คณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการวุฒิสภา (วิปวุฒิสภา) มีวาระหารือถึงการโหวตนายกรัฐมนตรีต่อที่ประชุมรัฐสภาในวันที่ 13 กรกฏาคม โดยมีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภาเป็นประธานการประชุม และมี ส.ว.ที่เป็นวิปวุฒิสภาเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง รวมถึง ส.ว.ที่แสดงจุดยืนต่อการโหวตนายกฯ ตามมติของเสียงข้างมากของสภาฯ อาทิ นายวันชัย สอนศิริ และนายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม
ทั้งนี้ ในช่วงท้ายของการประชุม วิปวุฒิสภาขอเป็นการประชุมลับ โดยให้ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ของสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาออกจากที่ประชุม และตัดสัญญาณการประชุมวิปวุฒิสภาฯ ผ่านทางออนไลน์ด้วยซึ่งใช้เวลาหารือลับประมาณ 40 นาที
จากนั้นเวลา 11.30 น.นายคำนูณ สิทธิสมาน โฆษกวิปวุฒิสภา แถลงผลประชุมว่า ได้หารือถึงการประชุมรัฐสภาเพื่อโหวตนายกฯ วันที่ 13 กรกฏาคมว่า จากกรณีที่ ส.ว.ได้รับจัดสรรเวลา 2 ชั่วโมง ที่ประชุมได้มอบหมายให้ พล.อ.สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภา คนที่หนึ่งดูแลว่า จะมีส.ว.อภิปรายจำนวนกี่คน และประเด็นใดบ้าง
อย่างไรก็ดี ในช่วงท้ายของการประชุมได้ทราบจากข่าวว่า คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยคุณสมบัติของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคก้าวไกล ฐานะแคนดิเดตนายกฯ ที่มติ 8 พรรคร่วมรัฐบาลจะเสนอต่อรัฐสภา กรณีถือหุ้นไอทีวี และจากการพิจารณามองว่า กรณีดังกล่าวเป็นเพียงความเห็นของ กกต. ส่วนศาลรัฐธรรมนูญยังไม่มีคำวินิจฉัยชี้ขาด ดังนั้น นายพิธายังมีสถานะเป็นส.ส.
การอภิปรายของ ส.ว. ผมไม่อยากให้มองว่า เป็นการซักซ้อมการอภิปรายไม่ไว้วางใจของ ส.ว. เพราะการซักถามอยู่ในวิสัยทัศน์ที่ทำได้ ในความเชื่อและความเป็นห่วง ทั้งนี้ไม่ใช่ว่าเป็นการแสดงความไว้วางใจหรือไม่ไว้วางใจ นายคำนูณ กล่าว
เมื่อถามว่า วิปวุฒิสภาได้หารือถึงกรอบการโหวตนายกฯ รอบ 2 หรือรอบ 3 หรือไม่ นายคำนูณ กล่าวยอมรับว่า มีประเด็นที่เป็นข้อสงสัยแต่ไม่มีข้อสรุปในเรื่องดังกล่าว
ทั้งนี้ การเลือกนายกฯ ตามรัฐธรรมนูญไม่สามารถสันนิษฐานได้ว่า จะสำเร็จหรือไม่ เมื่อผลออกมาเป็นอย่างไร ประธานรัฐสภาต้องตัดสินใจต่อไปแต่เชื่อว่า ไม่ใช่ประเด็นที่การประชุมรัฐสภา วันที่ 13 กรกฏาคม จะหารือหรือซักถาม