นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เปิดเผยในการให้สัมภาษณ์รายการทันข่าวเช้า ช่องเนชั่น ยืนยันการเชิญพรรคเสียงข้างน้อยหารือเมื่อวันที่ 22 ก.ค.ยังไม่เข้าร่วมรัฐบาล
โดยพูดคุยแนวทางในพรรคต่างๆ มีเหตุผลอะไรที่ประกาศไม่ร่วมรัฐบาล ซึ่งเป็น 1 ในขั้นตอนของวงประชุม 8 พรรคร่วม หลังให้พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล โดยมีทางออก 3 ข้อ ได้แก่
1. ต้องไปคุยกับ สว.
2. ต้องไปคุยกับ สส. พรรคอื่น ซึ่งยกชื่อพรรคเข้าในที่ประชุมว่าได้หรือไม่ ซึ่งระบุว่าแล้วแต่พรรคเพื่อไทย เพราะพรรคไหนก็ติดกันหมด ดังนั้นก็เลยบอกว่า ลองได้ คุยว่าคิดอย่างไรหรือถ้าเข้าร่วมจะมาด้วยเงื่อนไขอะไร
3. ถ้า 2 แนวทางแรกนี้ไม่ได้ ที่ประชุมก็ให้พรรคเพื่อไทยไปคิดต่อ
เมื่อได้รับแนวทางมาเช่นนี้ และเหลือเวลาอีกไม่กี่วันก็จะถึงวันเลือกนายกรัฐมนตรี จึงจำเป็นต้องรีบดำเนินการ 2 ข้อแรก โดยเน้นย้ำว่าไม่ได้เชิญร่วมรัฐบาล เชิญมาปรึกษาหารือว่า กรณี 8 พรรคร่วมอยู่ ถ้าจะเชิญเข้ามาติดอะไรหรือไม่ หรือมีเหตุผลอะไรหากจะไม่ร่วมรัฐบาล เช่น พรรครวมไทยสร้างชาติมา
"ชัดเจนว่า ไม่ได้มาพูดคุยเรื่องเข้าร่วมรัฐบาล แต่มาตอบคำถามพรรคเพื่อไทยว่า ทำไมถึงออกแถลงการณ์หากมีพรรคก้าวไกลอยู่จะไม่ร่วมด้วย โดยใจความสำคัญที่พูดคุยก็จะมีเรื่องมาตรา 112 และมีพรรคก้าวไกล จากที่ฟังมา 3 พรรค เหตุผลเป็นแบบนี้้ มี 2 พรรค (พรรคภูมิใจไทย พรรครวมไทยสร้างชาติ)ยืนยัน ถ้ามีพรรคก้าวไกลจะไม่เข้าร่วม ทำงานร่วมกันไม่ได้ ส่วนพรรคชาติพัฒนากล้า ร่วมได้ถ้ามี แต่ถ้ามีแก้ไขมาตรา 112 ก็ไม่ร่วม เพราะเป็นนโยบายที่หาเสียงไว้"
นพ.ชลน่าน กล่าวอีกว่า หลังรับมอบภารกิจจากพรรคก้าวไกลแล้ว ได้มีการยกขึ้นในที่ประชุม 8 พรรคเลยว่า จะลดถอยเพดานมาตรา112 มากน้อยแค่ไหน ลดได้หรือไม่ มีการตอบคำถามว่า ถ้าต้องการให้ลดจะขอรายละเอียด ต้องการให้ลดอย่างไร ประเด็นไหน หากทราบรายละเอียดก็จะนำไปพูดคุย
ส่วนประเด็นที่เคยประกาศว่าจะไม่ร่วมงานกับลุง เหตุใดถึงเชิญพรรครวมไทยสร้างชาติและพรรคพลังประชารัฐ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ต้องการทราบข้อมูลว่ามีทางออกอย่างไร ยังไม่ตั้งเป้าว่าจะร่วมงาน หาก 8 พรรคสามารถบวก สว. และ สส. บางพรรคที่ไม่มีเงื่อนไขก็จบ สามารถเป็นรัฐบาลได้เลย
แต่หากบอกว่ามีพรรคก้าวไกลไม่มีเราต้องเป็นสิ่งที่คิดว่า ต้องมีพรรคตรงข้ามมาร่วมหรือไม่ ตนเคยประกาศว่า ต้องการเป็นพรรคที่ได้เสียงแลนสไลด์เกินกึ่งหนึ่ง ที่สามารถจัดตั้งรัฐบาลและไม่มี2พรรคนี้มาร่วมงาน เราพูดชัดเจนในการหาเสียง แต่เมื่อไม่ได้เสียงตามร้องขอ ก็จบทำอะไรไม่ได้ ก็จะมีรัฐบาลผสม แต่ยังยึดมั่นว่า ต้องการอยู่ฝ่ายที่ไม่มีฟากฝั่งเดิม หรือลุง เราจึงต้องจับมือกับก้าวไกล
"เหตุการณ์ที่ตนประกาศและสื่อพยายามถาม เมื่อถึงเวลานั้นด้วยเหตุผล ตนยินดีที่ต้องนำมาพิจารณา แน่นอนตนไม่ตระบัดสัตย์ หากมีเหตุผลจำเป็นพรรคต้องเดินต่อ ต้องมีรัฐบาล การยึดติดกับตำแหน่งหัวหน้าพรรค ตนไม่ได้เป็นประเด็น"
ส่วนหากเสียง สว. สส. ไม่พอ จะมีแนวทางดึงพรรคอื่นมาร่วมเพิ่มหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า การประกาศว่าถ้ามา ตนจะขอลาออก หมายถึงกลไกของพรรคไปเชิญมา ตนก็แสดงความรับผิดชอบ แต่การประกาศขณะหาเสียงเป็นการวางแนวทางต้องได้ 251 เสียง แต่หากประชาชนไม่มอบให้ ก็ไม่มีการกล่าวโทษ ถ้าแลนสไลด์มา ทุกอย่างจบ
ขณะที่การหารือเมื่อวานนี้พรรคอื่นมีจุดยืนว่า ไม่ร่วมงานและอาจจะไม่โหวตให้ ถามว่าหนักใจหรือไม่ มันเป็นความรู้สึก ไม่ใช่ประเด็น แต่สิ่งที่ต้องทำ คือ พยายามให้ถึงที่สุดในการจัดตั้งรัฐบาล โดยวาดฝันไว้ว่า ต้องมีพรรคก้าวไกลอยู่กับเรา 8 พรรคร่วมรับได้ เรามุ่งตรงนี้
ส่วนวันที่ 27 ก.ค. หวังว่าจะจบหรือไม่ ต้องประเมิน เพราะเหตุการณ์เปลี่ยนวันต่อวัน หากวันที่ 25 ก.ค. สว. เกิน 63 เสียงบอกว่า ยินดีให้การสนับสนุน สถานการณ์ก็เปลี่ยน และก็หวังเป็นเช่นนั้น ซึ่งในวันนั้นก็จะทราบทั้งหมด เพราะพรรคเพื่อไทยต้องประชุมพรรคและประกาศแล้ว
"ยังไม่มีการคว่ำเรือ เจาะเรืออะไร ตอนนี้ใช้ mou 8 พรรคในการทำงาน หากเราไม่ขยับ เราก็ตอบ 8 พรรคไม่ได้ ล็อกและเดินไม่ได้อยู่อย่างนี้ หากปล่อยให้มีการแตกแยก ไม่มีทางออก ประเทศเดินต่อไม่ได้ สุดท้ายผู้มีอำนาจใช้อำนาจของเค้ามาอยู่ที่เค้า ก็จะอ้างเหตุผลได้ เราจะทำกันหรอ ผมก็พยายามทำหน้าที่ปิดกั้นตรงนั้นไม่ให้เกิดขึ้นมากที่สุด ในฐานะหัวหน้าแกนนำจัดตั้งรัฐบาล"