ศาลสั่ง"สนง.กกต."แจง คดีประกาศเลือกตั้งมิชอบ และปม"พิธา"ถือหุ้นสื่อ

08 ส.ค. 2566 | 07:04 น.
อัปเดตล่าสุด :08 ส.ค. 2566 | 07:19 น.

ศาลอาญาคดีทุจริต สั่งสนง.กกต.เเจงถูกทนายความฟ้อง คดี 157 ประกาศเลือกตั้งมิชอบ 8 ข้อ และปม "พิธา" ถือหุ้นสื่อได้ไต่สวนและเปิดโอกาสให้เจ้าตัวชี้เเจงข้อเท็จจริงหรือไม่ นัดฟังคำสั่งหรือคำพิพากษาอีกครั้ง 25 ก.ย.นี้

วันที่ 8 สิงหาคม 2566 ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ศาลนัดฟังคำสั่งหรือคำพิพากษา ในคดีอาญาหมายเลขดำที่ อท.116/2566 ที่นายยงยุทธ เสาแก้วสถิต อาชีพทนายความยื่นฟ้องนายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกรรมการ ก.ก.ต. กับพวกรวม 7 คน 

ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงาน ของรัฐ กระทำการในฐานะเจ้าพนักงานของรัฐ โดยทุจริต เจตนา ร่วมกันออกประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2566

วันนี้โจทก์และทนายโจทก์มาศาล โจทก์ยื่นคําร้องขอแก้ไขคำฟ้อง ฉบับ 3 ส.ค. ศาลพิเคราะห์คำร้อง แล้วเห็นว่า โจทก์ได้ตรวจสอบเว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง พบรายชื่อประธานและ กรรมการการเลือกตั้งเหลือเพียง 6 คน จึงเชื่อว่ามีผู้ดำรงตำแหน่งในคณะกรรมการการเลือกเพียงแค่นั้น

ต่อมาได้ตรวจสอบข้อมูลจากหน่วยงานอื่นหลายหน่วยงาน จึงพบข้อมูลที่ถูกต้องจากเว็บไซต์ของไทยพีบีเอส ในคอลัมน์ “เปิดประวัติ กกต.” จึงทราบว่าคณะกรรมการการเลือกตั้งมีผู้ดำรงตำแหน่งประธานและ กรรมการการเลือกตั้งรวม 7 คน การระบุชื่อนายธวัชชัย เทิดเผ่าไทย เป็นจำเลยที่ 8 ตามคำร้องนี้ โจทก์ ได้บรรยายพฤติกรรมการร่วมกระทำความผิดของคณะกรรมการการเลือกตั้งไว้ครอบคลุมแล้ว

นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกรรมการ ก.ก.ต.

แสดงให้ เห็นว่าโจทก์มีเจตนาจะฟ้องคณะกรรมการการเลือกตั้งทุกคนเป็นจำเลยเพียงแต่ไม่ได้ระบุตัวผู้ถูกฟ้องคดี ให้ครบถ้วนเนื่องจากการตรวจสอบข้อมูลผิดพลาดคลาดเคลื่อนไป การขอแก้ไขฟ้องของโจทก์จึง ไม่ต้องห้าม อนุญาตให้โจทก์แก้ไขฟ้องแต่เพื่อความสะดวกในการพิจารณาของศาล ให้เรียกนายธวัชชัย เทิดเผ่าไทยเป็นจำเลยที่ 7และให้เรียกนายแสวง บุญมีจากเดิมจำเลยที่ 7เป็นจำเลยที่ 8 

 

ศาลตรวจคำฟ้องและเอกสารท้ายฟ้องของโจทก์และรายงานเจ้าพนักงานคดีขั้นตรวจฟ้องฉบับลงวันที่ 24 ก.ค. แล้ว เห็นว่าคำฟ้องยังไม่ได้ระบุข้อเท็จจริงรายละเอียด และพฤติการณ์ที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดของจำเลยทั้งแปด พร้อมทั้งชี้ช่องพยานหลักฐาน ให้ชัดเจนเพียงพอที่จะดำเนินกระบวนพิจารณาไต่สวนข้อเท็จจริงต่อไปได้ ตามมาตรา 15แห่ง พรบ.วิธีพิจารณาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ. 2559

จึงมีคำสั่งให้โจทก์แก้ฟ้อง ให้ถูกต้องโดยระบุข้อเท็จจริงและรายละเอียดตัวบุคคล เอกสาร หรือวัตถุตามที่โจทก์กล่าวอ้างว่า จำเลยทั้งแปดกระทำผิดตามฟ้อง พร้อมเสนอหรือชี้ของพยานหลักฐานที่จะสนับสนุนข้อเท็จจริงตามฟ้อง โจทก์ รวมถึงพยานหลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้อง ดังต่อไปนี้

1.ให้โจทก์แก้ไข เพิ่มเติมคำฟ้องถึงชื่อ นามสกุล ที่อยู่ ให้ถูกต้องและเพื่อมิให้เป็น การฟ้องคดีผิดไปจากบุคคลที่โจทก์ประสงค์ฟ้องคดีนี้ให้โจทก์ส่งสำเนาทะเบียนราษฎรของจำเลยทั้งแปด ให้ครบถ้วน โดยแนบมากับคำฟ้องฉบับที่แก้ไขใหม่ต่อศาล

2.ให้เพิ่มเติมถึงระยะเวลาการเข้ารับตำแหน่งกรรมการการเลือกตั้งของจำเลยที่ 1-7 ตั้งแต่เริ่มตั้งแต่เมื่อใดและสิ้นสุดลงเมื่อใด และระยะเวลาการเข้ารับตำแหน่งเลขาธิการสำนักงาน คณะกรรมการการเลือกตั้งของจำเลยที่ 8 นับตั้งแต่เมื่อใดและสิ้นสุดลงเมื่อใด พร้อมทั้งชี้ช่องและแสดง พยานหลักฐานให้ชัดเจนเพียงพอ 

3.ให้โจทก์บรรยายฟ้องให้ชัดแจ้งว่าจำเลยทั้งแปดเป็นเจ้าพนักงานของรัฐ และเป็น เจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา เพราะเหตุใดและตามกฎหมายใด พร้อมทั้งชี้ซ่องและแสดง พยานหลักฐานให้ชัดเจนเพียงพอ 

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์  หัสหน้าพรรคเพื่อไทย

4.ให้บรรยายฟ้องเพิ่มเติมถึงอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายของจำเลยที่ 1-7 เป็น รายบุคคลที่เกี่ยวพันกับการออกประกาศวันเลือกตั้ง การแบ่งเขตการเลือกตั้งทั่วประเทศ ออกแบบบัตร เลือกตั้ง การตรวจสอบคุณสมบัติของผู้เข้ารับสมัครเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หน้าที่การสืบสวน ไต่สวนและวินิจฉัยชี้ขาดในเรื่องคุณสมบัติของผู้เข้ารับสมัครเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ว่าเป็นหน้าที่ ตามกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับและประกาศใด อยู่ในมาตราใด ข้อใด พร้อมทั้งชี้ซองและแสดง พยานหลักฐานให้ชัดเจนเพียงพอ 

5.ให้บรรยายเพิ่มเติมถึงการประกาศวันเลือกตั้ง การแบ่งเขตการเลือกตั้งทั่วประเทศ ออกแบบบัตรเลือกตั้งของเดิมเป็นอย่างไร และที่จำเลยทั้งแปดร่วมกันประกาศเป็นอย่างไรแตกต่างกัน อย่างไร ส่วนใดที่ทำให้ประชาชนหรือโจทก์เกิดความสับสน พร้อมทั้งชี้ช่องและแสดงพยานหลักฐานให้ ชัดเจนเพียงพอ 

6.จำเลยทั้งแปดร่วมกันประกาศวันเลือกตั้ง การแบ่งเขตการเลือกตั้งทั่วประเทศ ออกแบบบัตรเลือกตั้ง ตามฟ้องข้อ 2.1 เมื่อใด จำเลยแต่ละคนกระทำการอย่างใดบ้าง และจำเลยที่ 1 ลงนามในวันใด พร้อมทั้งชี้ช่องและแสดงพยานหลักฐานให้ชัดเจนเพียงพอ 

8.การกระทำของจำเลยทั้งแปดทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายอย่างไรพร้อมทั้ง ชี้ช่องและแสดงพยานหลักฐานให้ชัดเจนเพียงพอ เห็นสมควรให้โจทก์แก้ฟ้องให้ถูกต้องภายใน 30 วันนับแต่วันนี้ (ครบกำหนด วันที่7 ก.ย.) 

 

เพื่อให้ได้ความแจ้งชัดในข้อเท็จจริงแห่งคดีในการตรวจฟ้องโจทก์ เห็นควรมีหนังสือ ถึงสํานักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง พร้อมแนบสำเนาคำฟ้องและสำเนารายงานกระบวนพิจารณา ฉบับนี้ เพื่อให้ชี้แจงและกรณีมีข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องขอให้แจ้งรวมมาด้วย กับแนบระเบียบ คำสั่ง และกฎหมายที่เกี่ยวข้องมายังศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางภายใน 30วันนับจากวันที่ได้รับ หนังสือ ดังนี้

1.ประวัติเข้าดำรงตำแหน่งกรรมการการเลือกตั้งของจำเลยที่ 1-7และ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งของจำเลยที่8 

2.จำเลยทั้งแปดมีหน้าที่ประกาศวันเลือกตั้ง การแบ่งเขตการเลือกตั้งทั่วประเทศ ออกแบบบัตรเลือกตั้งและตรวจสอบคุณสมบัติของผู้เข้ารับสมัครเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หน้าที่ การสืบสวน ไต่สวนและวินิจฉัยชี้ขาดในเรื่องคุณสมบัติของผู้เข้ารับสมัครเป็นส.ส. ว่าเป็นหน้าที่ตามกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับและประกาศใด อยู่ในมาตราใด ข้อใด 

3.สํานักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งได้ตอบหนังสือคัดค้านการยื่นคําร้องกล่าวหา นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ของโจทก์ ฉบับลงวันที่ 26 พ.ค. หรือไม่อย่างไร 

4.สํานักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งได้ประกาศการแบ่งเขตการเลือกตั้งทั่วประเทศ และออกแบบบัตรเลือกตั้งทั้งแบบบัญชีรายชื่อและแบบแบ่งเขตการเลือกตั้งทั่วประเทศให้ต่างจาก การเลือกตั้งครั้งก่อนๆหรือไม่ เพราะเหตุใด ผู้ใดเป็นผู้ออกแบบและอนุมัติ และเหตุใดจึงต้องมี การแก้วิธีให้หมายเลขของผู้เข้ารับสมัครเป็นส.ส.แบบแบ่งเขตการเลือกตั้ง ให้แตกต่างจากหมายเลขพรรคที่ผู้เข้ารับสมัครเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรนั้นสังกัดอยู่ในแบบ การเลือกตั้งทั้งแบบบัญชีรายชื่อ 

5.มีการพิมพ์บัตรเลือกตั้งเกินกว่าจำนวนประชาชนหรือไม่ เพราะเหตุใด และ ภายหลังการเลือกตั้ง มีวิธีจัดการอย่างไรกับบัตรเลือกตั้งส่วนที่พิมพ์เกิน 

6.กรณีที่มีผู้ยื่นคำร้องกล่าวหานายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นผู้ขาดคุณสมบัติเนื่องจาก ถือหุ้นบริษัทไอทีวี จำนวน 4.2หมื่นหุ้น สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ได้ดำเนินการไต่สวน ข้อเท็จจริงหรือไม่อย่างไร มีการให้นายพิธา ชี้แจงข้อเท็จจริงหรือไม่อย่างไรเพราะเหตุใด และใช้ ระยะเวลาในการรวบรวมพยานหลักฐานและวินิจฉัยคำร้องนานเท่าใด และได้นำคำสั่งของศาลฎีกา คดีหมายเลขดำที่ ลต สสข 9/2566 คดีหมายเลขแดงที่ ลด สสข 24/2566 วันที่ 2 พ.ค. ที่คืนสิทธิผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. ให้แก่นายนายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ มาพิจารณา หรือไม่ เพราะเหตุใด 

7.นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เคยดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกี่สมัยและ ในแต่ละสมัยมีการตรวจสอบคุณสมบัติในเรื่องถือหุ้นบริษัทไอทีวี จำนวน 4.2 หมื่นหุ้น มาก่อนหรือไม่ เหตุใดจึงมาพบภายหลังจากประกาศผลการเลือกตั้งวันที่ 14 พ.ค. และนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เคยแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งทราบมาก่อนหรือไม่ 

ในการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้เข้ารับสมัครเป็นส.ส. ในเรื่องเป็นผู้ถือหุ้นสื่อ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งได้ตรวจสอบไปยังนายทะเบียนบริษัทหรือ กรมพัฒนาธุรกิจการค้าหรือไม่ เพราะเหตุใด และในการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้เข้ารับสมัครเป็นส.ส.สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งเป็นผู้ดำเนินการตรวจสอบด้วยตนเอง หรือมอบหมายให้หน่วยงานใดเป็นผู้ตรวจสอบ เพราะเหตุใด ให้เลื่อนไปนัดฟังคำสั่งหรือคําพิพากษาวันที 25 ก.ย. เวลา09.30 น.