ป.ป.ช.เชือด"นายก อบจ.มหาสารคาม"คดีทุจริตซื้อเวชภัณฑ์สู้โควิด

10 ส.ค. 2566 | 13:32 น.
อัพเดตล่าสุด :10 ส.ค. 2566 | 13:36 น.

ป.ป.ช.เชือด “คมคาย อุดรพิมพ์” นายก อบจ.มหาสารคาม ปมทุจริตจัดซื้อเวชภัณฑ์สู้โควิด ให้ถอดออกจากตำแหน่ง พร้อมชี้มูล "อดีตอัยการตะกั่วป่า" มีความผิดฐานเรียกเงินญาติผู้ต้องหาแลกลดโทษ

วันนี้ (10 ส.ค. 66 ) นายภูเทพ ทวีโชติธนากุล ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช  แถลงว่า ป.ป.ช.ได้มีมติชี้มูล นายกองโท นางคมคาย อุดรพิมพ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดมหาสารคาม (นายก อบจ.มหาสารคาม) พร้อมพวก ในความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการกรณีจัดซื้ออุปกรณ์ ยา และเวชภัณฑ์ที่ไม่ใช่ยา ตามโครงการป้องกันและควบคุมโรคติดต่อไวรัสโคโรน่าโดยมิชอบ 

ปรากฏข้อเท็จจริงว่า นางคมคาย จัดซื้อยา เวชภัณฑ์ที่ไม่ใช่ยา ก่อนที่จะให้คณะกรรมการช่วยเหลือประชาชนให้ความเห็นชอบ และทำสัญญาจัดซื้อในราคาแพงกว่าปกติ โดยมีการจัดซื้อทำสัญญา 3 ฉบับ วงเงินฉบับแรกวงเงิน 1,942,400บาท ฉบับที่ 2 วงเงิน 1,050,000บาท และฉบับที่ 3 วงเงิน 892,500บาท รวม 3 สัญญา เป็นเงิน3,884,900 บาท  

อีกทั้งในขั้นตอนการเบิกจ่ายเงินค่าซื้อวัสดุอุปกรณ์ให้กับผู้ขายนั้น ไม่ได้ให้ผู้รับเช็คลงลายมือชื่อรับเช็คไว้ในต้นขั้ว ป.ป.ช. จึงเห็นว่า การกระทำของ นางคมคาย มีมูลความผิดทางอาญา และความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐ รวมถึงมีมูลทำให้ราชการเสียหายอย่างร้ายแรงเป็นเหตุให้ต้องถูกถอดถอน  

ส่วนนายแสวง สำราญดี ปลัด อบจ. และ นายคุณาวุฒิ ไชยคำภา รองปลัด อบจ. มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง กรณีปฏิบัติหน้าที่ราชการ โดยไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย 

ขณะที่นางเพ็ญศรี แสงดารา รองปลัดอบจ.มหาสารคาม พร้อมกับเจ้าหน้าที่ อบจ.มีความผิดทางวินัยไม่ร้ายแรง จากการประมาทเลินเล่อในหน้าที่ มีความผิดวินัยไม่ร้ายแรง 

ส่วนบริษัทเอกชน มีความผิดทั้งอาญาและกฎหมาย การเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐ ทั้งนี้ ให้ส่งสำนวนไปยังอัยการสูงสุดให้ดำเนินคดีอาญาในศาลที่มีเขตอำนาจ และส่งเรื่องให้ผู้บัญชาให้ดำเนินการต่อไป และให้แจ้งผลการพิจารณาของป.ป.ช.ให้สำนักงาน กกต. ทราบ เพื่อให้แจ้งผู้บังคับบัญชาดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจ เพื่อให้มีการชดใช้ค่าเสียหายรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่

นอกจากนี้ ป.ป.ช.ได้ชี้มูลความผิด นายธรรมะ หรือ นายชินโชติ สอนใจ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง อัยการจังหวัดตะกั่วป่า สำนักงานอัยการจังหวัดตะกั่วป่า จังหวัดพังงา พร้อมพวก เรียกรับผลประโยชน์จากญาติ ของผู้ต้องหา ที่ถูกจับกุมในคดีครอบครองอาวุธปืน เพื่อแลกกับการช่วยเหลือให้ลงโทษผู้ต้องหาในสถานเบา 

กรณีนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 19 ก.ค. 2561 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมผู้ต้องหารายหนึ่ง และตั้งข้อหามีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ในระหว่างการสั่งฟ้องคดีนายธรรมะได้เรียกเงินจากญาติของผู้ต้องหา 500,000 บาท มีหลักฐานเป็นคลิปการสนทนา ทั้งนี้ญาติของผู้ต้องหาไม่จ่ายเงินตามที่เรียก 

ต่อมา นายธรรมะ จึงได้สั่งฟ้อง พร้อมเพิ่มเติมร่างคำฟ้องของพนักงานอัยการ บิดเบือนข้อเท็จจริง และให้ลงโทษผู้ต้องหาสถานหนัก 
ป.ป.ช.จึงเห็นว่าการกระทำดังกล่าว มีมูลความผิดทางอาญา และความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรงถูกไล่ออก แต่คดีทางวินัยไม่ต้องส่งรายงานให้ผู้บังคับบัญชาดำเนินการ