สร้างความฮือฮาไม่น้อย สำหรับรองประธานสภาฯคนที่ 1 อย่างหมออ๋อง หรือ นาย ปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก พรรคก้าวไกล ที่ได้จัดเลี้ยงหมูกระทะแก่แม่บ้านสภาจำนวน 370 คน ในราคาหัวละ 269 บาท ณ ร้านหมูกะทะแห่งหนึ่งย่านบางโพ เมื่อเย็นวานที่ผ่านมา
สำหรับการจัดเลี้ยงหมูกระทะดังกล่าว นายปดิพัทธ์ หรือ หมออ๋อง ได้ระบุว่า งบประมาณที่ใช้เป็นงบรับรองที่จัดสัดส่วนไว้ให้กับรองประธานสภาอยู่แล้ว และส่วนใหญ่จะใช้กับการรับรองแขก และการนำมาจัดเลี้ยงให้กับแม่บ้านสภาในครั้งนี้ก็ถือเป็นแขกของตนเองเช่นเดียวกัน
เกี่ยวกับกรณีดังกล่าวนี้ ได้มีนักวิชาการรวมทั้งผู้ที่อยู่ในแวดวงการเมือง ออกมาแสดงความคิดเห็น ล่าสุดนายสมชัย ศรีสุทธิยากร นักวิชาการ และ อดีตสมาชิกพรรคเสรีรวมไทยได้ออกมาโพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก "สมชัย ศรีสุทธิยากร" โดยระบุว่า งบรับรอง มีวัตถุประสงค์การใช้ชัดเจน ต้องเป็นเพื่องานราชการ ไม่สามารถใช้ตามใจชอบได้
ระเบียบราชการมีอยู่ เจ้าหน้าที่ที่ดูแลสมควรทักท้วง หากใช้ไปแล้วก็ยังไม่จบ สตง. สามารถเข้ามาตรวจสอบได้เพราะเป็นเงินหลวง
การแก้ไข ไม่ยากครับ เอาเงินส่วนตัวมาจ่ายคืน ไม่ถือเป็นความผิด
ส่วนก่อนหน้านี้ นายศรีสุวรรณ จรรยา ก็ได้ออกมาโพสต์เฟซบุ๊ก"ศรีสุวรรณ จรรยา" โดยระบุว่า ใช้งบรับรองแขก เลี้ยงหมูกระทะแม่บ้านสภา จากเงินภาษีของประชาชน เพื่อหน้าตาของตนเอง ถือเป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์หรือไม่
นอกจากนี้แล้วยังระบุว่า จันทร์ที่ 21 สิงหา 66 เวลา 10.00 น. องค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน จะไปยื่นคำร้องต่อ ปปช. ขอให้ไต่สวน ตรวจสอบ วินิจฉัยว่าเข้าข่ายฝ่าฝืนจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามที่รัฐธรรมนูญ 2560 บัญญัติห้ามไว้ หรือไม่ เพราะกระทำการที่อาจขัด รธน.เกี่ยวกับผลประโยชน์ขัดกัน ประกอบมาตรฐานจริยธรรมฯ
ขณะที่ ณัฏฐา มหัทธนา หรือโบว์ ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก "โบว์ ณัฏฐา มหัทธนา - Nuttaa Mahattana" เกี่ยวกับกรณีหมออ๋องนำงบรับรองแขกมาใช้ โดยระบุว่า
กรณีการใช้งบรับรองแขกของรองประธานสภาฯ ไปจัดเลี้ยงหมูกระทะแม่บ้านสภานั้น ไม่เหมาะสมและไม่สมเหตุสมผลด้วยเหตุผลหลายประการ โดยส่วนตัวมีข้อสังเกตดังนี้
1. วัตถุประสงค์ของงบก้อนนี้ ให้ใช้เพื่อรับรองแขกบ้านแขกเมืองเป็นหลัก ในแต่ละปีจะมีคณะบุคคลหลากหลายมาขอเข้าพบประธานและรองตลอดปี เช่น คณะผู้แทนราษฎรหรือส่วนงานนิติบัญญัติจากต่างประเทศ ทูต ผู้แทนกระทรวง หรือคณะบุคคลจากรัฐบาลและผู้แทนจากหน่วยงานต่างๆ ซึ่งมีวาระตามจุดประสงค์ของทั้งสองฝ่าย
งบก้อนนี้ไม่ใช่งบสวัสดิการพนักงาน มิฉะนั้นประธานและรองก็สามารถเอางบนี้พาพนักงานไปเที่ยวเล่นได้ทั้งปีโดยอ้างเหตุผลต่างๆได้
นี่คือการใช้งบผิดประเภท
2. แม่บ้านจำนวนมากในสภานั้น มาจากบริษัท Outsource ที่ทางสภาทำการจัดจ้างมา และมีเงื่อนไขในการทำงานที่ตกลงกับบริษัทเอกชน หากพบว่ามีเงื่อนไขที่ไม่เป็นธรรม สิ่งที่สภาควรทำคือการทบทวนสัญญากับบริษัท ให้มีความครอบคลุมถึงส่วนที่เกี่ยวกับสวัสดิการและความเหมาะสมของเงื่อนไขในการจ้างพนักงาน (หลายคนถูกจ้างแบบรายวันต่อเนื่องเป็นปีๆโดยไร้สวัสดิการ ซึ่งผิดกฎหมายแรงงาน หากต้องการให้รัดกุม ต้องมีการปรับรายละเอียดส่วนนี้ให้ครอบคลุมการตรวจสอบในสัญญา ซึ่งคือสิ่งที่ทำได้เลยเพราะเป็นสัญญาระยะสั้น และรองประธานควรตรวจสอบได้เอง เพราะเป็นส่วนของการจัดซื้อจัดจ้างระหว่างภาครัฐกับเอกชน)
3. สภาพแวดล้อมพื้นฐานในการทำงานของแม่บ้านสภาควรได้รับการปรับปรุงก่อน และเป็นสิ่งที่รองประธานย่อมมองเห็นได้เองอยู่แล้วเพราะเป็นมาตรฐานที่ลูกจ้างทุกคนควรมี เช่นห้องพัก ที่เก็บของส่วนตัวและโซนรับประทานอาหารของพนักงาน เมื่อทำสิ่งเหล่านี้แล้วหลังจากนั้นมีรายละเอียดเพิ่มเติมอะไร ก็ดำเนินการทบทวนรายละเอียดโดยส่วนงานที่เกี่ยวข้องไปได้ตามปกติ
เมื่อข้อเท็จจริงมีดังที่กล่าวมานี้ อีเว้นท์เลี้ยงหมูกระทะที่เกิดขึ้นจึงไม่เหมาะสม ทั้งในเรื่องการใช้งบประมาณผิดประเภท การจัดเลี้ยงลูกจ้างของบริษัทเอกชนโดยไม่ติดต่อสื่อสารกับบริษัท การสร้างประเด็นข่าวจากสิ่งที่ควรเป็นงานปรับปรุงแก้ไขตามปกติในสภา
และสุ่มเสี่ยงที่จะถูกมองว่าเป็นการ “หาเสียง” ด้วยการสร้างภาพกับกลุ่มผู้ใช้แรงงานซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มเป้าหมายของพรรคก้าวไกล โดยนำกลุ่มแม่บ้านสภาขึ้นมาเป็นตัวแทนประกอบฉาก ด้วยงบประมาณของรัฐ.