จากกรณีที่ น.ส.แพรทองธาร ชินวัตร โพสต์ข้อความว่า นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะเดินทางกลับภายในวันที่ 22 สิงหาคมนี้เวลา 9 โมง โดยกำหนดลงที่สนามบินดอนเมือง โดยเครื่องบินส่วนตัว และได้มีกำหนดการให้สื่อมวลชนสามารถเข้ามาทำข่าวได้ภายในอาคาร รับรองผู้โดยสาร
ฐานเศรษฐกิจ ตรวจสอบแผนรับทักษิณกลับไทยล่าสุด ยังคงปฏฺบัติการจากแผนกำหนดการรับตัวที่เคยมีการประชุมของตำรวจไปก่อนหน้านี้
คือ เมื่อทันทีที่นายทักษิณ ลงจากเครื่องถึงสนามบินดอนเมือง ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจะเป็นผู้รับตัวและนำส่งไปลงทำบันทึกการจับกุมที่ สน.ย่อย ของ สน.ดอนเมือง ส่วนแยกท่าอากาศยานดอนเมือง ก่อนส่งตัวนายทักษิณ ให้เจ้าหน้าที่คุมตัวขึ้นรถ และนำตัวไปศาลฎีกาแผนกคดีอาญา (สนามหลวง ) ตามขั้นตอนของกฎหมาย จากนั้นจะมีเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์จะมาคุมตัวจากศาลฎีกาแผนกคดีอาญาไปยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ
โดยแผนกำหนดการรับตัวดังกล่าวจะเกิดขึ้น ก็ต่อเมื่อนายทักษิณเดินทางมาในช่วงเวลาเปิดทำการของศาลฎีกา
หากนายทักษิณเดินทางกลับถึงไทยหลังเวลาทำการของศาลฎีกา จะมีการนำตัวนายทักษิณไปพักที่ สถานที่ควบคุมพิเศษภายในสโมสรตำรวจ เป็นเวลา 1 คืน จึงจะนำตัวส่งศาลในช่วงเช้าวันรุ่งขึ้น
สำหรับขั้นตอนของกรมราชทัณฑ์ หลังนายทักษิณเดินทางมายังเรือนจำพิเศษกรุงเทพ ในฐานะผู้ต้องขังเข้าใหม่ ตามที่นายอายุตม์ สินธพพันธุ์อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ระบุว่า แผนจะยังเป็นตามกำหนดการเดิม คือ
เมื่อรับตัวนายทักษิณมาแล้ว จะต้องมีการจัดทำทะเบียนประวัติผู้ต้องขังโดยละเอียด ทั้งการตรวจสอบประวัติ ทำทะเบียนประวัติ จากนั้นจะนำตัวไปยังห้องกักโรคของทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ทำการกักโรคเพื่อตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 ประมาณ 10 วัน
ขณะที่ นายทักษิณ ถือเป็นผู้ต้องขังผู้สูงอายุ หากเจ้าตัวมีโรคประจำตัวที่จะต้องเข้ารับการรักษาต่อเนื่อง ทางราชทัณฑ์จะมีแพทย์ประจำเรือนจำฯ ที่จะเป็นผู้ใช้ดุลพินิจในการจำแนกผู้ต้องขัง หากจะต้องรักษาต่อเนื่อง ก็จะเข้าสู่กระบวนการรักษาโรค ย้ายไปยังหอผู้ป่วย ซึ่งแพทย์ประจำเรือนจำที่จะเป็นผู้ประเมินอาการของผู้ต้องขัง และให้ความเห็นเรื่องการรักษาว่าในระหว่างกระบวนการดังกล่าวหรือไม่
ส่วนเกณฑ์เยี่ยมผู้ต้องขัง ตามที่กรมราชทัณฑ์ ได้จัดให้มีการเยี่ยมญาติใกล้ชิดใหม่ ที่จะใช้เข้าเยี่ยมในระหว่างวันที่ 7 สิงหาคม ถึง 30 กันยายน 2566 มีหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในการปฏิบัติงาน ด้านการควบคุมผู้ต้องขัง เรื่องมาตรฐานการเยี่ยม ดังนี้