ราชทัณฑ์ สั่งแยกกักตัว "ทักษิณ ชินวัตร" คนเดียว 10 วัน พบโรคประจำตัวเพียบ

22 ส.ค. 2566 | 06:55 น.
อัปเดตล่าสุด :22 ส.ค. 2566 | 07:49 น.

"อายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์" นำแถลงหลังรับตัว "ทักษิณ ชินวัตร" เข้าคุมตัวที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ เผยต้องกักตัวแยกคนเดียว 10 วันที่สถานพยาบาล ระบุ พบโรคประจำตัวหลายโรค

ฐานเศรษฐกิจ เกาะติดข่าว "ทักษิณกลับไทยล่าสุด" โดยหลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หลังเข้าฟังคำพิพากษาที่ศาลฎีกาแผนกตดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเสร็จสิ้นเมื่อเวลา 11.00 น. และส่งตัวนายทักษิณเข้าควบคุมตัวที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ในเวลา 11.25 น.

ราชทัณฑ์ สั่งแยกกักตัว \"ทักษิณ ชินวัตร\" คนเดียว 10 วัน พบโรคประจำตัวเพียบ

โดยนายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า ภายหลังรับตัวนายทักษิณมาแล้ว เจ้าหน้าที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ได้จัดสถานที่เพื่อรองรับกรณีมีญาติมาเยี่ยม เนื่องจากผู้ต้องขังมีญาติ เพื่อน และองค์กรต่างๆ ที่ให้การสนับสนุน และมีความประสงค์ที่จะเดินทางเข้ามาเยี่ยมจำนวนมาก โดยที่ทุกคนสามารถมาลงทะเบียนขอเยี่ยมได้ตามระเบียบของเรือนจำ 

และเนื่องจากนายทักษิณ มีอายุ 74 ปีแล้ว ซึ่งถือว่าอยู่ในกลุ่มผู้ต้องขังสูงอายุ ที่ต้องเฝ้าระวังทั้งเรื่องสุขภาพร่างกาย และอนามัย เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย และขณะนี้ได้แยกตัวผู้ต้องขังไปอยู่ในสถานพยาบาลของเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เพียงคนเดียวก่อนเพื่อไม่ให้ปะปนกับผู้ต้องขังคนอื่น

นายอายุตม์ ยังบอกว่า ขณะนี้นายทักษิณ ยังไม่ต้องกรอนผมเหมือนผู้ต้องขังคนอื่น เนื่องจากผมยังไม่ยาว และนายทักษิณ ได้ไว้ผมรองทรงซึ่งก็ถือว่าไม่ยาวมาก รวมทั้งเป็นกลุ่มผู้สูงอายุ เป็นผู้ใหญ่ที่ทางเรือนจำให้เกียรติ

ส่วนเสื้อผ้าที่ใส่เข้าเรือนจำวันนี้ เป็นเสื้อเชิ้ตสีขาว และยังไม่ได้เปลี่ยนเสื้อของทางเรือนจำ โดยจุดแรกเข้าไปประตู 2 ผ่านไปยังประตู 3 ก่อนไปยังจุดตรวจสอบประวัติ พิมพ์ลายนิ้วมือ ถ่ายภาพ ไม่ได้ใช้เวลานาน ไม่มีสีหน้าวิตกกังวล และไม่ได้ร้องขออะไรเป็นพิเศษ

สำหรับการแถลงครั้งนี้ นอกจากจะมีอธิบดีกรมราชทัณฑ์แล้ว ยังมีนายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม นายสิทธิ สุชีวงศ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์
นายนัสที ทองปลาด ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร และนายแพทย์วัฒน์ชัย มิ่งบรรเจิดสุข ผู้อำนวยการทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ร่วมแถลงข่าว

ขณะที่นายสิทธิ กล่าวว่า ขณะนี้นายทักษิณ ได้ถูกแยกขังอยู่ในแดน 7 บนชั้น 2 ของอาคารเพียงคนเดียว ซึ่งเป็นห้องปกติไม่มีเครื่องปรับอาการ มีกล้องวงจรปิด และแพทย์ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ดูแลตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อดูแลตามกระบวนการและความปลอดภัย

ราชทัณฑ์ สั่งแยกกักตัว \"ทักษิณ ชินวัตร\" คนเดียว 10 วัน พบโรคประจำตัวเพียบ

 

สำหรับการเข้าเยี่ยมของญาติ ตามระเบียบผู้ต้องขังจะถูกกักตัวก่อน 10 วัน โดยใน 5 วันแรก จะให้เพียงทนายความเข้าเยี่ยมเท่านั้น ส่วนวันที่ 6-10 จะญาติเยี่ยมได้ผ่านแอพลิเคชั่นไลน์ ซึ่งนายทักษิณ ถือว่าเป็นกลุ่มเปราะบาง 608 สามารถเรียกร้องขออาหารเสริม หรือยารักษาโรคเพิ่มเติมได้

 

ด้านนายนัทธี เปิดเผยว่า กรณีที่นายทักษิณ ต้องอยู่ในแดนที่เป็นสถานพยาบาลเพื่อระมัดระวังรักษาความปลอดภัย เนื่องจากเป็นกลุ่มเปราะบาง และยึดหลักความปลอดภัยเป็นสำคัญ โดยใช้ทีมแพทย์และพยาบาลของเรือนจำตรวจร่างกายตลอด สำหรับอาหารของทางเรือนจำ ก็เป็นอาหารตามวงรอบ แต่ก็มีอาหารพิเศษที่มีร้านค้าเปิดจำหน่าย โดยผู้ต้องขังสามารถซื้อได้วันละ 500-600 บาท และเป็นเมนูที่ดีต่อสุขภาพ ไม่มีโซเดียม ส่วนกิจวัตรของเรือนจำ นายทักษิณ ก็ต้องปฏิบัติตามระเบียบเหมือนผู้ต้องขังคนอื่นทั่วไป

ส่วนอาหารมื้อแรกในเรือนจำ ซึ่งเป็นมื้อกลางวัน ที่นายทักษิณ รับประทานเพียงน้ำดื่ม และขนมปังเพียงเล็กน้อย และบอกว่ายังไม่ค่อยหิว ส่วนอาหารมื้อเย็นในเรือนจำวันนี้ เป็นข้าวต้ม และผักต้ม

นายแพทย์วัฒน์ชัย เปิดเผยว่า ญาติของนายทักษิณ ได้นำประวัติการรักษา การตรวจร่างกายแบบ MRI จากการรักษาในโรงพยาบาลที่ต่างประเทศ 2 แห่ง มาประกอบด้วย โดยเบื้องต้นพบว่านายทักษิณกำลังรักษาอยู่ 4 โรค คือ โรคหัวใจขาดเลือด ปอดอักเสบเรื้อรัง ความดันโลหิตสูง และกระดูกสันหลังเสื่อมกดทับเส้นประสาท

ซึ่งทั้ง 4 โรคนี้ ก็ถือว่าเป็นโรคที่ต้องใช้แพทย์เฉพาะทางทำการรักษา โดยเบื้องต้นได้เตรียมแพทย์ของโรงพยาบาลราชทัณฑ์ไว้แล้ว แต่หากโรคใดไม่มีแพทย์เฉพาะทางก็จำเป็นต้องส่งต่อไปรักษาที่โรงพยาบาลที่มีแพทย์เฉพาพทางของโรคนั้นอยู่ 

ซึ่งตามระเบียบของกรมราชทัณฑ์ การส่งตัวผู้ต้องขังออกไปรักษาภายนอกจะต้องคำนึงถึงความปลอดภัย หรือการหลบหนีจากการคุมขังอีกด้วย ฉะนั้นจึงต้องใช้โรงพยาบาลของรัฐเป็นหลัก โดยอันดับแรกคือ โรงพยาบาลตำรวจ หรือโรงพยาบาลเฉพาะทางในสังกัดของกระทรวงสาธารณสุข 

หลังจากนี้ ยังต้องเฝ้าระวังการติดเชื้อโรคจากระบบทางเดินหายใจ ซึ่งทางเรือนจำมีห้องกักโรคไว้แล้ว รวมทั้งเฝ้าระวังโรคติดต่อจากต่างประเทศเนื่องจากผู้ต้องขังได้เดินทางไปหลายประเทศ