ผ่านโยบายพักหนี้เกษตรกร-ครู-ตำรวจ“เศรษฐา”รับปาก ต.ค.นี้เห็นเป็นรูปธรรม

01 ก.ย. 2566 | 06:05 น.
อัปเดตล่าสุด :01 ก.ย. 2566 | 06:14 น.

“เศรษฐา” เครื่องร้อนสั่งเดินหน้าแก้หนี้คนไทยลืมตาอ้าปากเลิกจน “เกษตร-ครู-ตำรวจ”ลุ้นต.ค.นี้ได้เห็นเป็นรูปธรรม 

เครื่องร้อนทันทีที่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีนายเศรษฐา ทวีสินสั่งลุยนโยบายการพักหนี้เกษตรกรโดยได้มอบหมายให้ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ไปดูเรื่องของขั้นตอนต่าง ๆ โดยประสานงานใกล้ชิดกับกระทรวงการคลัง ไม่เพียงเท่านี้กำลังพิจารณาการดูแลหนี้สินของครู ตำรวจ และ กลุ่มที่ประสบภัยพิบัติในช่วงโควิด (หมวด 21) คาดว่าน่าจะทำได้ในช่วงเดือนตุลาคม 2566 นี้ เพราะเรื่องนี้เป็นวาระเร่งด่วนของพรรคเพื่อไทย

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี

สำหรับนโยบายพักหนี้ 3 ปี รายได้ดี 3 เท่าถึงเวลาเกษตรกรไทยหายจนถาวรนั้น ที่พรรคเพื่อไทย ได้ประกาศเป็นกรอบนโยบาย ประกอบด้วย

• 3ปี พักหนี้   พักทั้งต้นทั้งดอกเพื่อลดภาระ ของพี่น้องเกษตรกร ให้ได้ทํามาหากินเกษตรกร จนลืมตาอ้าปากได้

 

 

ผ่านโยบายพักหนี้เกษตรกร-ครู-ตำรวจ“เศรษฐา”รับปาก ต.ค.นี้เห็นเป็นรูปธรรม

• 50 ล้านไร่ แก้กฎหมาย จัดหาที่ดินทํากิน ที่ดินทํากิน เร่งรัดออกโฉนดในพื้นที่พิพาท

• เพิ่มรายได้3 เท่าใน 4 ปีสร้าง  ตลาดเกษตรด้วย Blockchain ด้วยตลาดน่า ตลาดโลกต้องการอะไร เกษตรกรไทยปลูกสิ่งนั้น ลดความเสี่ยงให้เกษตรกรมีกําไรไม่ขาดทุน ตกลงราคากันล่วงหน้า  ผู้ประกอบการมีหลักประกัน ราคาผลผลิตเป็นธรรม ให้พี่น้องประชาชนทุกคน 

• สร้างนวัตกรรมเสริม ทําการเกษตรที่ถูกหลัก แม่นยํา เพื่อเพิ่มผลผลิต ทั้งการเกษตร และการปศุสัตว์อ้านวยความสะดวกการเกษตรด้วยแอปพลิเคชันแปรรูปผลิตอย่างทันสมัย เพื่อเพิ่มมูลค่า เช่นการใช้นวัตกรรมการแช่แข็ง เพื่อคงสภาพความสด

ผ่านโยบายพักหนี้เกษตรกร-ครู-ตำรวจ“เศรษฐา”รับปาก ต.ค.นี้เห็นเป็นรูปธรรม

ทั้งนี้รายได้ของเกษตกรจะเพิ่มเป็น 3 เท่าภายในปี 2570 จากรายได้เฉลี่ย 10,000 บาท/ไร่/ปี เพิ่มเป็น 30,000 บาท/ไร่/ปี  เพราะทั้งราคา และผลผลิตต่อไร่ที่ต่ำ เมื่อเผชิญกับต้นทุนการผลิตที่สูงกว่าครึ่งหนึ่งของรายรับ จึงทำให้รายได้เหลือไม่พอต่อการชำระหนี้ และการยังชีพอย่างมีคุณภาพ พรรคเพื่อไทยจะสร้างระบบยืนยันราคาทำให้ราคาสินค้าเกษตรดี นำนวัตกรรมการเกษตรมาเพิ่มปริมาณผลผลิต และลดต้นทุนการผลิต รายได้ (สุทธิ) ของเกษตรกรจะเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดเป็น 3 เท่าของที่เคยได้รับ

รวมถึงเพิ่มโอกาสให้เกษตรกรมีทางเลือกใหม่ๆ และมีขนาดของความต้องการสินค้าเกษตรชนิดต่างๆ มากขึ้น เช่น ส่งเสริมการปลูกพืชอาหารสัตว์ที่มีโปรตีนสูง และคาร์โบไฮเดรตสูง ในจำนวนที่มากขึ้น ซึ่งสามารถทดแทนการนำเข้ามูลค่าปีละกว่า 300,000 ล้านบาท เช่น ข้าวโพด ถั่วเหลือง และหญ้าเลี้ยงสัตว์

ผ่านโยบายพักหนี้เกษตรกร-ครู-ตำรวจ“เศรษฐา”รับปาก ต.ค.นี้เห็นเป็นรูปธรรม

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่ากำลังพิจารณารายละเอียดว่าจะพักหนี้จำนวนเท่าไร นานเท่าไรและอย่างไร แต่จะมีการพักทั้งต้นและดอก หลักการคือเราต้องการให้พี่น้องเกษตรกรมีเวลาไปพื้นฟูตัวเอง ไปทำมาหากินโดยไม่ต้องพะวงกับเรื่องหนี้สิน จะได้มีขวัญและกำลังใจในการรายได้"

ขณะเดียวกันในการดำเนินมาตรการพักหนี้นั้น เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2566 ที่ผ่านมา ยังได้หารือกับทางสถาบันจัดอับดับหนี้ ซึ่งดูแลหนี้สินทั้งหมดของประชาชน จึงไม่ได้ดูแลแค่พี่น้องเกษตรกรอย่างเดียว แต่ยังจะดูแลครู ตำรวจและผู้ที่ประสบภัยพิบัติในช่วงโควิด-19 (หมวด 21) ที่จะต้องดูแลเป็นพิเศษด้วยดังนั้นจึงขอเวลาในการพิจารณา แต่ยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยจะดูแลให้ครบทุกภาคส่วนเพื่อให้คนไทยทุกคนที่ประสบปัญหาได้มีขวัญและกำลังใจกลับมาทำงานอีกครั้ง

ผ่านโยบายพักหนี้เกษตรกร-ครู-ตำรวจ“เศรษฐา”รับปาก ต.ค.นี้เห็นเป็นรูปธรรม

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การลดหนี้ชั่วคราวเป็นการบรรเทาความทุกข์ เป็นการฟื้นฟูจิตใจให้มีขวัญและกำลังใจ แต่เหนือสิ่งอื่นใดการเพิ่มรายได้ก็เป็นเรื่องสำคัญ ฉะนั้นนโยบายของพรรคเพื่อไทยคือเราจะพยายามเพิ่มรายได้ให้เกษตรกร ซึ่งก็ต้องเร่งทำ

ส่วนนโยบายเพิ่มรายได้ภาคแรงงานและการจ้างงานค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาทต่อวัน ภายในปี พ.ศ. 2570 ซึ่งนโยบายนี้ “ไม่ได้ใช้แรงงานเป็นตัวประกัน” แต่เราจะทำให้ เศรษฐกิจโตขึ้น และแบ่งผลกำไรเหล่านี้กลับไปให้ภาคแรงงาน โดยการตกลงร่วมกันของไตรภาคี (นายจ้าง ลูกจ้าง และรัฐ)  ตามหลัก “ทุนนิยมที่มีหัวใจ” หลักการเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำจะพิจารณาจาก การเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) ผลิตภาพแรงงาน (Productivity)อัตราเงินเฟ้อ (Inflation)เงินเดือนคนจบปริญญาตรีเริ่มต้นที่ 25,000 บาทต่อเดือน ภายในปี พ.ศ. 2570 รวมทั้งข้าราชการด้วย

ผ่านโยบายพักหนี้เกษตรกร-ครู-ตำรวจ“เศรษฐา”รับปาก ต.ค.นี้เห็นเป็นรูปธรรม

และที่สำคัญที่สุดคือคนไทย ไม่จนอีกต่อไปทุกครอบครัว มีรายได้ ไม่น้อยกว่า 20,000 บาท / เดือนลดช่องว่างรายได้คนไทย ให้ทุกคนมีรายได้เพียงพอ ต่อ ”การดำรงอยู่อย่างมีศักดิ์ศรี”ผ่านมาตรการต่างๆ ที่สำคัญคือ นโยบาย 1 ครอบครัว 1 ศักยภาพ Soft Power (OFOS)

หากรายได้ของครัวเรือนต่ำกว่า 20,000 บาท/เดือนก็จะได้รับการเติมให้ครบ 20,000 บาท/เดือน จนกระทั่งครอบครัวมีรายได้เพียงพอผู้จะรับสิทธิ์จะลงทะเบียนผ่านระบบบนแพลตฟอร์ม Learn to Earn เพื่อเสริมทักษะและหางานมีการลงทะเบียนและอัพเดตข้อมูลทุก 6 เดือนเพื่อดึงคนเข้าระบบ ไม่ทิ้งใครไว้เบื้องหลังและทำให้รัฐสามารถเข้าช่วยเหลือได้อย่างแม่นยำ