เครื่องร้อนทันทีที่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีนายเศรษฐา ทวีสินสั่งลุยนโยบายการพักหนี้เกษตรกรโดยได้มอบหมายให้ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ไปดูเรื่องของขั้นตอนต่าง ๆ โดยประสานงานใกล้ชิดกับกระทรวงการคลัง ไม่เพียงเท่านี้กำลังพิจารณาการดูแลหนี้สินของครู ตำรวจ และ กลุ่มที่ประสบภัยพิบัติในช่วงโควิด (หมวด 21) คาดว่าน่าจะทำได้ในช่วงเดือนตุลาคม 2566 นี้ เพราะเรื่องนี้เป็นวาระเร่งด่วนของพรรคเพื่อไทย
สำหรับนโยบายพักหนี้ 3 ปี รายได้ดี 3 เท่าถึงเวลาเกษตรกรไทยหายจนถาวรนั้น ที่พรรคเพื่อไทย ได้ประกาศเป็นกรอบนโยบาย ประกอบด้วย
• 3ปี พักหนี้ พักทั้งต้นทั้งดอกเพื่อลดภาระ ของพี่น้องเกษตรกร ให้ได้ทํามาหากินเกษตรกร จนลืมตาอ้าปากได้
• 50 ล้านไร่ แก้กฎหมาย จัดหาที่ดินทํากิน ที่ดินทํากิน เร่งรัดออกโฉนดในพื้นที่พิพาท
• เพิ่มรายได้3 เท่าใน 4 ปีสร้าง ตลาดเกษตรด้วย Blockchain ด้วยตลาดน่า ตลาดโลกต้องการอะไร เกษตรกรไทยปลูกสิ่งนั้น ลดความเสี่ยงให้เกษตรกรมีกําไรไม่ขาดทุน ตกลงราคากันล่วงหน้า ผู้ประกอบการมีหลักประกัน ราคาผลผลิตเป็นธรรม ให้พี่น้องประชาชนทุกคน
• สร้างนวัตกรรมเสริม ทําการเกษตรที่ถูกหลัก แม่นยํา เพื่อเพิ่มผลผลิต ทั้งการเกษตร และการปศุสัตว์อ้านวยความสะดวกการเกษตรด้วยแอปพลิเคชันแปรรูปผลิตอย่างทันสมัย เพื่อเพิ่มมูลค่า เช่นการใช้นวัตกรรมการแช่แข็ง เพื่อคงสภาพความสด
ทั้งนี้รายได้ของเกษตกรจะเพิ่มเป็น 3 เท่าภายในปี 2570 จากรายได้เฉลี่ย 10,000 บาท/ไร่/ปี เพิ่มเป็น 30,000 บาท/ไร่/ปี เพราะทั้งราคา และผลผลิตต่อไร่ที่ต่ำ เมื่อเผชิญกับต้นทุนการผลิตที่สูงกว่าครึ่งหนึ่งของรายรับ จึงทำให้รายได้เหลือไม่พอต่อการชำระหนี้ และการยังชีพอย่างมีคุณภาพ พรรคเพื่อไทยจะสร้างระบบยืนยันราคาทำให้ราคาสินค้าเกษตรดี นำนวัตกรรมการเกษตรมาเพิ่มปริมาณผลผลิต และลดต้นทุนการผลิต รายได้ (สุทธิ) ของเกษตรกรจะเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดเป็น 3 เท่าของที่เคยได้รับ
รวมถึงเพิ่มโอกาสให้เกษตรกรมีทางเลือกใหม่ๆ และมีขนาดของความต้องการสินค้าเกษตรชนิดต่างๆ มากขึ้น เช่น ส่งเสริมการปลูกพืชอาหารสัตว์ที่มีโปรตีนสูง และคาร์โบไฮเดรตสูง ในจำนวนที่มากขึ้น ซึ่งสามารถทดแทนการนำเข้ามูลค่าปีละกว่า 300,000 ล้านบาท เช่น ข้าวโพด ถั่วเหลือง และหญ้าเลี้ยงสัตว์
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่ากำลังพิจารณารายละเอียดว่าจะพักหนี้จำนวนเท่าไร นานเท่าไรและอย่างไร แต่จะมีการพักทั้งต้นและดอก หลักการคือเราต้องการให้พี่น้องเกษตรกรมีเวลาไปพื้นฟูตัวเอง ไปทำมาหากินโดยไม่ต้องพะวงกับเรื่องหนี้สิน จะได้มีขวัญและกำลังใจในการรายได้"
ขณะเดียวกันในการดำเนินมาตรการพักหนี้นั้น เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2566 ที่ผ่านมา ยังได้หารือกับทางสถาบันจัดอับดับหนี้ ซึ่งดูแลหนี้สินทั้งหมดของประชาชน จึงไม่ได้ดูแลแค่พี่น้องเกษตรกรอย่างเดียว แต่ยังจะดูแลครู ตำรวจและผู้ที่ประสบภัยพิบัติในช่วงโควิด-19 (หมวด 21) ที่จะต้องดูแลเป็นพิเศษด้วยดังนั้นจึงขอเวลาในการพิจารณา แต่ยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยจะดูแลให้ครบทุกภาคส่วนเพื่อให้คนไทยทุกคนที่ประสบปัญหาได้มีขวัญและกำลังใจกลับมาทำงานอีกครั้ง
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การลดหนี้ชั่วคราวเป็นการบรรเทาความทุกข์ เป็นการฟื้นฟูจิตใจให้มีขวัญและกำลังใจ แต่เหนือสิ่งอื่นใดการเพิ่มรายได้ก็เป็นเรื่องสำคัญ ฉะนั้นนโยบายของพรรคเพื่อไทยคือเราจะพยายามเพิ่มรายได้ให้เกษตรกร ซึ่งก็ต้องเร่งทำ
ส่วนนโยบายเพิ่มรายได้ภาคแรงงานและการจ้างงานค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาทต่อวัน ภายในปี พ.ศ. 2570 ซึ่งนโยบายนี้ “ไม่ได้ใช้แรงงานเป็นตัวประกัน” แต่เราจะทำให้ เศรษฐกิจโตขึ้น และแบ่งผลกำไรเหล่านี้กลับไปให้ภาคแรงงาน โดยการตกลงร่วมกันของไตรภาคี (นายจ้าง ลูกจ้าง และรัฐ) ตามหลัก “ทุนนิยมที่มีหัวใจ” หลักการเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำจะพิจารณาจาก การเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) ผลิตภาพแรงงาน (Productivity)อัตราเงินเฟ้อ (Inflation)เงินเดือนคนจบปริญญาตรีเริ่มต้นที่ 25,000 บาทต่อเดือน ภายในปี พ.ศ. 2570 รวมทั้งข้าราชการด้วย
และที่สำคัญที่สุดคือคนไทย ไม่จนอีกต่อไปทุกครอบครัว มีรายได้ ไม่น้อยกว่า 20,000 บาท / เดือนลดช่องว่างรายได้คนไทย ให้ทุกคนมีรายได้เพียงพอ ต่อ ”การดำรงอยู่อย่างมีศักดิ์ศรี”ผ่านมาตรการต่างๆ ที่สำคัญคือ นโยบาย 1 ครอบครัว 1 ศักยภาพ Soft Power (OFOS)
หากรายได้ของครัวเรือนต่ำกว่า 20,000 บาท/เดือนก็จะได้รับการเติมให้ครบ 20,000 บาท/เดือน จนกระทั่งครอบครัวมีรายได้เพียงพอผู้จะรับสิทธิ์จะลงทะเบียนผ่านระบบบนแพลตฟอร์ม Learn to Earn เพื่อเสริมทักษะและหางานมีการลงทะเบียนและอัพเดตข้อมูลทุก 6 เดือนเพื่อดึงคนเข้าระบบ ไม่ทิ้งใครไว้เบื้องหลังและทำให้รัฐสามารถเข้าช่วยเหลือได้อย่างแม่นยำ