25 ตำรวจร่วมงานเลี้ยง “กำนันนก” หนาว โทษหนักถึงขั้นไล่ออก

09 ก.ย. 2566 | 08:16 น.
อัพเดตล่าสุด :09 ก.ย. 2566 | 08:22 น.

จเรตำรวจแห่งชาติจ่อตั้งกรรมการสอบวินัยตำรวจ 25 นาย ร่วมงานเลี้ยงบ้าน “กำนันนก” จนเกิดเหตุยิงสารวัตรทางหลวงดับ ยืนยันทำเต็มที่ ชี้โทษสูดสุดถึงขั้นไล่ออกจากราชการ

กรณีเกิดเหตุ นายธนัญชัย หรือ หน่อง ท่าผา ได้ใช้อาวุธปืนกระหน่ำยิง พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว สว.ส.ทล.1 กก.2 บก.ทล. เสียชีวิต ภายในบ้านของ นายประวีณ จันทร์คล้าย หรือ “กำนันนก” ที่ ต.ตาก้อง อ.เมือง จ.นครปฐม ทั้งๆ ที่มีตำรวจระดับ ผกก.-ผบ.หมู่ อยู่ในเหตุการณ์ถึง 25 นาย และยังปล่อยให้คนร้ายหนีไปได้ รวมถึงมีการทำลายพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุอีกด้วย 

ต่อมาทาง พล.ต.อ.ดำรงศักด์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้สั่งการให้ จเรตำรวจแห่งชาติ ตรวจสอบข้อเท็จจริงทางวินัยเรื่องดังกล่าว


ล่าสุดวันนี้ (9 ก.ย. 66) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สชต.) พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงกรณีดังกล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีคำสั่งที่เป็นทางการ แต่ก็ได้สั่งการให้เตรียมการในเบื้องต้นไว้แล้ว โดยในส่วนการสอบสวนคดีอาญา ทางพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ก็ได้ลงไปควบคุมสั่งการอยู่แล้ว แต่ในส่วนจเรตำรวจก็เป็นเรื่องทางวินัย ซึ่งตนจะออกคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการของจเรตำรวจเข้าไปสอบวินัยตำรวจทั้ง 25 นาย

ทั้งนี้ จะมีการประสานข้อมูลกับพนักงานสอบสวนคดีอาญาอย่างใกล้ชิด เพราะเป็นเหตุการณ์เดียวกัน พยานหลักฐานชุดเดียวกัน โดยเฉพาะประเด็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ปล่อยให้คนร้ายหลบหนี ปล่อยให้มีการทำลายที่เกิดเหตุ ทำลายพยานวัตถุ ทำลายหลักฐาน ทำลายระบบการบันทึกระบบวงจรปิดในที่เกิดเหตุ 

นอกจากนั้น จะสอบสวนข้อมูลให้ละเอียดว่า ตำรวจทั้ง 25 นาย มีการประพฤติตนอันไม่สมควรอื่นๆ ที่เอื้อต่อกำนันรายนี้อย่างไร 

เช่น การเรียกรับส่วย การรับผลประโยชน์ และการเอื้อผู้มีอิทธิพล ที่กระทำผิดกฎหมายอื่นๆ ซึ่งเป็นที่มาของการกล้ากำเริบเหิมเกริมก่อเหตุสังหารตำรวจระดับสารวัตร ต่อหน้าตำรวจที่นั่งกันอยู่เต็มงาน แถมยังมีตำรวจผู้ใหญ่ระดับ ผกก.นั่งอยู่ด้วยถึง 3 นายในครั้งนี้ โดยไม่มีตำรวจคนใดกล้าจับกุม หรือขัดขวางการหลบหนี ปล่อยให้เพื่อนตำรวจถูกยิงเสียชีวิต

พล.ต.อ.วิสนุ กล่าวว่า ตนยืนยันได้ว่าจะดำเนินการในเรื่องนี้อย่างเด็ดขาด ตรงไปตรงมา ตามพยานหลักฐานไม่มีการละเว้น และความผิดทางวินัยในเรื่องนี้ มีโทษขั้นสูงสุด คือ ไล่ออกจากราชการ