วันนี้(9 ก.ย. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม ได้คัดเลือกทีมงานให้คำปรึกษางานด้านความมั่นคง มีทั้ง พลเรือน ตำรวจ ทหาร จำนวน 13 คน แต่ไร้ชื่อ บิ๊กแป๊ะ พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม ที่มีชื่อเป็น ผู้ช่วย รมว.กลาโหม ก่อนหน้านี้
สำหรับรายชื่อที่ปรึกษาทั้ง 13 คน ประกอบด้วย 1.พล.ต.ท.ธนาศักดิ์ ฤทธิเดชไพบูลย์ 2.นายกำพลศักดิ์ คลังแสง 3.ดร.ปณชัย แดงอร่าม 4.นายอภิศักดิ์ พละวิชัย
5.นายอภิชาติ ตุ้มวารี 6.นายธิติภัทธ์ สมบัติศิริ 7.ดร.วรรณ์มงคล ศิลประเสริฐ 8. พล.อ.ชัยวิน ผูกพันธุ์ 9. พล.อ.อ.สิทธิชัย แก้วบัวดี 10. พล.ร.อ.พัชระ พุ่มพิเชฎฐ์ 11. พล.อ.ธนสร ป้องอาณา 12. พล.อ.รักศักดิ์ โรจน์พิมพ์พันธ์ 13. พล.ท.กิตติยุทธ กิตติยุทธโยธิน
โดยมีชื่อของ พล.อ.อ.สุรพล พุทธมนต์ อดีต รอง ผบ.ทอ. เป็น ผู้ช่วยรัฐมนตรี และ มีชื่อ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) เป็นเลขานุการ รมว.กลาโหม
วันเดียวกัน นายสุทิน คลังแสง ได้ไปร่วมเวทีวิชาการ นำเสนอ และรับฟังรายงานหัวข้อความมั่นคงไทยในระเบียบโลกใหม่ ความท้าทายทางภูมิศาสตร์ จัดโดยนักศึกษาหลักสูตรปริญญาดุษฎีบัณฑิต ผู้นำทางสังคม ธุรกิจและการเมือง วิทยาลัยนวัตกรรมสังคมมหาวิทยาลัยรังสิต
โดยมี ผศ.ดร.อรรถวิท อุไรรัตน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิต ผศ.สุริยะใส กตะศิลา คณะบดีวิทยาลัยนวัตกรรมสังคมมหาวิทยาลัยรังสิต ให้การต้อนรับ และรับฟังการนำเสนอรายงานการศึกษาของนักศึกษาหลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต เกี่ยวกับภูมิรัฐศาสตร์โลกที่เชื่อมโยงกับไทย ใน 3 พื้นที่คือ มุกดาหาร ภูเก็ต และเชียงราย
ทั้งนี้ นายสุทิน คลังแสง สะท้อนมุมมองว่า ได้เดินทางไปพบบุคคลต่างๆ เพื่อหาความรู้จากหลายที่ ก่อนรับตำแหน่ง โดยหนักใจว่านิยามความมั่นคงของแต่ละฝ่ายจะตรงกันหรือไม่ และได้ไปรับฟังข้อมูลจากสภาความมั่นคงระบุว่า นิยามความมั่นคงคือ ต่อสู้ภัยคุกคามใหม่ 9 ด้าน คือ ความขัดแย้งในสังคม ความไม่เชื่อมั่นสถาบันการเมือง การขาดความสมดุลของสภาวะแวดล้อม ปัญหาโรคระบาด สถานการณ์ 3 จังหวัดชายแดนใต้ การอการร้าย อาชญากรรมข้ามชาติ ปัญหาแรงงาน ผู้หลบหนีเข้าเมือง ยาเสพติด และ ความยากจน
ทั้งนี้ถือว่าตรงกับทางนักวิชาการที่ได้รับฟังมาหลายที่ ดังนั้น ในมุมมองกระทรวงกลาโหม ต่อไปนี้จะซื้ออาวุธน้อยลง
ส่วนการแก้ปัญหาเรื่องเครื่องยนต์เรือดำน้ำ ที่ถูกตั้งคำถามตั้งแต่มารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ย้ำกับทางกองทัพเรือว่า การจัดหาเรือดำน้ำ ต้องคำนึงถึงความจำเป็น ซึ่งหากรับไม่ได้กับเครื่องยนต์จีนก็ต้องเจรจา และหาทางออก เช่น จัดหาเรือผิวน้ำแทน หรือยกเลิกสัญญาเปลี่ยนเป็นนำเข้าปุ๋ยจากจีนมาให้เกษตรกรในราคาถูกแทน
นายสุทิน กล่าวว่า แนวคิดนี้เป็นมุมมองทางด้านวิชาการใช้ฐานความคิดทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ ยังไม่ใช่ข้อสรุปในการแก้ปัญหาเรื่องเรือดำน้ำ แต่จะต้องพูดคุยเพื่อหาทางออกที่ดี โดยยกระดับการเจรจาต่อไป
นายสุทิน กล่าวว่า การแลกเปลี่ยนสินค้า หรือเปลี่ยนเป็นการจัดหาเรือผิวน้ำ จึงน่าจะเป็นทางออกอีกทางหนึ่ง แต่ยอมรับว่า ต้องไปพิจารณาในข้อกฎหมายจะทำได้หรือไม่ หรือหากกรณีสามารถพูดคุยเจรจาแลกเปลี่ยนกับทางจีนได้ และหากมีเงินเหลืออาจจะขอแถมกลับมาเป็นปุ๋ย ซึ่งเป็นแนวทางที่กำลังศึกษาอยู่ และจะนำเสนอแนวคิดนี้กับนายกฯ ต่อไป
ทั้งนี้ ยังไม่ได้พูดคุยกับทางกองทัพเรือ แต่เชื่อว่าเท่าที่ฟังกองทัพเรือไม่ติดใจ แล้วแต่รัฐบาลจะพิจารณาตัดสินใจ
นายสุทิน ยังกล่าวถึงความคืบหน้านโยบายปรับปรุงการเกณฑ์ทหาร ว่า ยังไม่ได้มีการพูดคุยกับทางกองทัพ แต่เชื่อว่าจากมาตรฐานที่ได้คิดเตรียมไว้ จะทำให้คนมาสมัครเป็นทหารเกณฑ์มากขึ้น และปีหน้าแทบจะไม่ต้องเกณฑ์ ซึ่งกองทัพก็พร้อมจะปรับลดจำนวนทหารเกณฑ์ และจะมีกรรมปรับปรุงสวัสดิการ ความคิดหวาดระแวงเรื่องทัศนคติที่ประชาชนกังวล
ทั้งยังเตรียมเดินหน้าพัฒนาร่วมกับกองทัพ หรือการปฏิรูประยะสั้นกลางยาว หลังเข้ากระทรวงในวันที่ 13 กันยายนนี้น่าจะมีความชัดเจนในเรื่องต่างๆ มากขึ้น