นายกฯ เปิด"บ้านพิษณุโลก" ถกเลขาป.ป.ส.-บิ๊กโจ๊ก ล้างบางยาเสพติด

10 ก.ย. 2566 | 07:32 น.
อัปเดตล่าสุด :10 ก.ย. 2566 | 08:56 น.

นายกฯเศรษฐา ประชุมที่บ้านพิษณุโลกครั้งแรก หารือส่วนตัวกับ "หมอมิ้ง-บิ๊กโจ๊ก-เลขาธิการ ปปส."ปมสั่งล้างบางมาเฟีย-ปราบยาเสพติดวางแผนรับนักท่องเที่ยวจีนสนองนโยบายฟรีวีซ่า

วันนี้ (10 ก.ย.2566) เวลาประมาณ 12.0 น.นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เดินทางเข้าทำเนียบรัฐบาลเป็นการส่วนตัว ภายหลังเดินทางลงพื้นที่จังหวัดขอนแก่น อุดรธานี และหนองคาย ระหว่างวันที่ 8-9 กันยายนที่ผ่านมาเสร็จสิ้น

 และในเวลา 12.30 น. นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางต่อไปยังบ้านพิษณุโลก พร้อมสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำบ้านพิษณุโลก และสักการะรูปปั้นนารายณ์บรรทมสินทธุ์ และเดินชมบริเวณโดยรอบ ก่อนเป็นประธานการประชุม เพื่อรายงานปัญหายาเสพติด

 

การประชุมที่บ้านพิษณุโลกครั้งนี้  มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมการประชุม อาทิ นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หรือ ป.ป.ส., พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หรือ รอง ผบ.ตร. และนายแพทย์พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เป็นต้น

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำบ้านพิษณุโลก

ภายหลังการหารือประมาณ 30 นาที พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ ได้ออกมาเปิดเผยถึงการหารือกับนายกรัฐมนตรีว่า ได้มีการหารือถึงนโยบายการปลดล็อควีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวจีน เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว

ซึ่งตนในฐานะอดีตรองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มองว่า นโยบายดังกล่าว จะก่อให้เกิดประโยชน์เศรษฐกิจของประเทศ ช่วยให้ภาคการท่องเที่ยวขับเคลื่อนได้อย่างรวดเร็ว เพราะนักท่องเที่ยวจีนส่วนหนึ่ง ที่ไม่มาท่องเที่ยวในประเทศไทย หรือมาท่องเที่ยวกันน้อย

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง

ทั้งที่ประเทศไทยเป็นเป้าหมายการท่องเที่ยวหลักของชาวจีน เนื่องจากมีขั้นตอนการเดินทางเข้าประเทศไทยยาก และมีการทุจริต จึงมั่นใจว่าการเปิดฟรีวีซ่า จะทำให้นักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าประเทศไทยสะดวกขึ้น

และหลังจากนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จัดเตรียมแผนกำกับมาตรการการรักษาความปลอดภัยตามดำริของนายกรัฐมนตรี เพื่อรองรับนโยบายของรัฐบาล เมื่องดเว้นการขอวีซ่ากับชาวจีนแล้ว แต่ยังจะต้องระมัดระวังเรื่องความปลอดภัยอยู่ 

พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ ยังเปิดเผยอีกว่า นายกรัฐมนตรี ได้มอบนโยบายในการปราบปรามผู้มีอิทธิพล โดยได้เน้นย้ำให้ตำรวจ จะต้องปราบปรามให้ถึงที่สุด แก้ไขปัญหากาฮั้วประมูล พร้อมตั้งข้อสงสัยเหตุใด นายประวีณ จันทร์คล้าย หรือ "กำนันนก" กำนันตำบลตาก้อง จังหวัดนครปฐม ในวัย 35 ปี จึงมีฐานะร่ำรวยโดยใช้เวลาเพียงไม่กี่ปี และยังมีตำรวจล้อมหน้าล้อมหลังใกล้ชิด

พร้อมมอบแนวทางให้ตำรวจไปแก้ไขปัญหาในพื้นที่ เพื่อให้ประชาชนกลับมามีความเชื่อมั่นในตำรวจ และตำรวจ จะต้องไม่เป็นไม้ค้ำยันของผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ ทำให้ตำรวจอยู่กับประชาชน ไม่ได้อยู่กับผู้มีอิทธิพล

พร้อมเปิดเผยด้วยว่า นายกรัฐมนตรี ยังมีความห่วงใยต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยขอให้มีการขยายผล และหาแนวทางให้สามารถขยายผลให้ได้ถึงที่สุดจนไปถึงต้นตอ และแก้ปัญหาการทุจริตในพื้นที่ หาตัวผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด