จากกรณีที่บลจ.เกียรตินาคินภัทร ( KKPAM ) ได้โอนหุ้น บมจ.เอสทีพี แอนด์ ไอ (STPI) จำนวน 164.59 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 10.30% ของจำนวนหุ้นที่มีสิทธิออกเสียงทั้งหมด คืนให้ " นายอนุทิน ชาญวีรกูล "เมื่อวันที่ 15 ก.ย.66 ที่ผ่านมา
สืบเนื่องมาจาก เมื่อวันที่ 4 ก.ย.62 หรือ 4 ปีที่แล้ว การเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ( วาระดำรงตำแหน่ง 10 ก.ค.62 - 1 ก.ย. 66 ) นายอนุทิน ชาญวีรกูล ผู้ถือหุ้นใหญ่ของ STPI ได้โอนหุ้นที่ถือ ( ผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 ) จำนวน 164.59 ล้านหุ้น คิดเป็น 10.30% ให้ KKPAM บริหารเพื่อการจัดการทรัพย์สินของรมตฯ ซึ่งเป็นไปตามการปฏิบัติในมาตรา 5 และ มาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัติการจัดการหุ้นส่วนของรัฐมนตรี พ.ศ.2543 และบทบัญญัติของกฎหมายที่เกี่ยวข้องนั้น
โดยมาตรา๕ ระบุว่า : ในกรณีที่รัฐมนตรี ประสงค์จะได้รับประโยชน์จากการเป็นหุ้นส่วนหรือผู้ถือหุ้นในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทในส่วนที่เกินกว่าจำนวนที่กำหนดไว้ในมาตรา ๔ ( รมต.ต้องไม่เป็นหุ้นส่วนหรือผู้ถือหุ้นในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัท หรือไม่คงไว้ซึ่งความเป็นส่วนหรือผู้ถือหุ้นในหุ้างหุ้นส่วนหรือบริษัทฯ ) ให้รัฐมนตรีดำเนินการดังต่อไปนี้
(๑) แจ้งเป็นหนังสือให้ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ทราบภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรี และ
(๒) โอนหุ้นส่วนหรือหุ้นในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทนั้นให้นิติบุคคลภายในเก้าสิบวัน นับแต่วันที่ได้แจ้งให้ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติทราบ และเมื่อได้ดำเนินการโอนหุ้นส่วนหรือหุ้นให้กับนิติบุคคลใดแล้ว ให้รัฐมนตรีแจ้งเป็นหนังสือให้ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติทราบภายในสิบวันนับแต่วันที่ได้โอนหุ้นส่วนหรือหุ้นนั้น
มาตรา ๖ : นิติบุคคลที่รัฐมนตรีจะโอนหุ้นส่วนหรือหุ้นให้จัดการตามพระราชบัญญัตินี้ได้ ต้องเป็นนิติบุคคลที่มีอำนาจจัดการกองทุนส่วนบุคคลตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือนิติบุคคลซึ่งจัดการทรัพย์สินเพื่อประโยชน์ของผู้อื่นตามกฎหมายโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ ป.ป.ช.
ดังนั้น เมื่อความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุด (วาระ รมต.สาธารณสุขสิ้นสุดลง 1 ก.ย.66 ) KKPAM จึงได้โอนหุ้น STPI คืนให้นายอนุทิน ทั้งหมดสัดส่วน 10.30% ตามสัญญาจัดการหุ้นของรัฐมนตรี